ฝูงหมาพิทบูล ขย้ำแม่วัวดับ อีกตัวสาหัส เจ้าของวัวโวย คนเลี้ยงไม่รับผิดชอบ - Yakdung Khaw

สดๆร้อนๆ

Sunday, July 7, 2019

ฝูงหมาพิทบูล ขย้ำแม่วัวดับ อีกตัวสาหัส เจ้าของวัวโวย คนเลี้ยงไม่รับผิดชอบ



วันที่ 7 ก.ค.62 นายธงชัย ไพเราะ อดีตสมาชิก.อบต.ท่าตูม ได้มีการร้องเรียนว่า แม่วัวพันธุ์ที่ตนเลี้ยงไว้บริเวณทุ่งนาใกล้บ้าน ถูกสุนัขพันธุ์พิทบูลประมาณ 3-4 ตัวรุมกัดจนตาย 1 ตัว และมีลูกวัว อายุ 2 ปี ที่เลี้ยงไว้รับบาดเจ็บอาการหนักอีก 1 ตัว



ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุข้างบ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 9 บ้านย่านนางวิ่ง ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ. ปราจีนบุรี พบบริเวณทุ่งนาป็นที่ของนายธงชัย มีวัวแม่พันธุ์นอนตายจมกองเลือด ตามใบหน้า ลำคอ มีรอยเขี้ยว ของสุนัขรุมกัดหลายจุดจนขาดใจตายอย่างอนาถ ใกล้กันพบลูกวัวสีน้ำตาล อายุประมาณ 2 ปี บาดเจ็บอาการหนัก เดินวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ ตามใบหน้า มีรอยถูกเขี้ยวสุนัขกัดหลายจุดทั่วใบหน้า บริเวณใบหูด้านซ้ายฉีกขาด ด้านหลังใบหูมีบาดแผลฉกรรจ์ อยู่ในอาการเซื่องซึม

สอบถามนายธงชัย เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงสุนัขเห่าจึงลุกขึ้นมาดูเห็นสุนัขวิ่งออกไปแล้วประมาณ 3-4 ตัว ส่วนวัวที่ถูกกัดนอนตายแล้ว จนมาช่วงเช้าพบว่าสุนัขทั้งหมดไปนอนอยู่บริเวณหน้าร้านค้าปากทางเข้า โดยมีทั้งหมด 4 ตัว เป็นพันธุ์พิทบูล 3 ตัว และพันธุ์ไซบีเรีย 1 ตัว ซึ่งสุนัขทั้งหมดเป็นของคนในชุมชนที่อยู่ห่างจากที่วัวอยู่เกือบ 1 กิโลเมตร



ครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก เป็นครั้งที่ 5 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้แจ้งความไว้ตลอดมา และเป็นคดีความศาลได้ตัดสินเสียค่าปรับไปแล้ว แต่ในเรื่องของการฟ้องค่าเสียหายอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง จนล่าสุดครั้งนี้ถึงขั้นรุมกัดจนตายไป 1ตัว และเจ็บอีก 1 ตัว

ตนอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวของ บังคับใช้กฎมายอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแต่วัวตนเองเท่านั่น ยังมีของชาวบ้านอีกหลายรายที่โดนฝูงสุนัขฝูงนี้กัด แต่เค้าไม่ได้ไปแจ้งความเท่านั้น

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุยังไม่เห็นเจ้าของแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งตนเองก็คงต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวของ ลงมาตรวจสอบการเลี้ยงสุนัขฝูงดังกล่าว ตนเองไม่โทษสุนัขแต่โทษเจ้าของที่ปล่อยเลี้ยงอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นสุนัขที่ดุร้าย แต่ยังปล่อยให้เดินเพ่นพ่านแบบนี้ โชคดีแค่ทำร้ายสัตว์ด้วยกัน หากวันไหนเกิดกัดเด็ก หรือประชาชนทั่วไปใครจะรับผิดชอบ



ขอบคุณ khaosod

No comments:

Post a Comment