
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ค. บริเวณพื้นที่ศูนย์คาร์โก้ดีเอชแอล ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร เดินทางไปตรวจรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ไทยนั้น เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 30 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้ไทย เดินทางมาถึงและส่งเข้าเก็บคลังจัดเก็บวัคซีนแล้ว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข
เป็นคนไปรับวัคซีนเองจากนั้นได้ถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บในคลังเก็บวัคซีน ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส เพราะวัคซีนไฟเซอร์ต้องผสมการฉีดร่วมกับน้ำเกลือ เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเข้มข้น 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน และเมื่อกระจายไปจุดฉีดจะเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้วัคซีนมีอายุสั้นลง จึงต้องเร่งฉีดภายใน 4 สัปดาห์

ทั้งนี้ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ระบุว่า สหรัฐจะส่งวัคซีนมาให้ไทยอีก 1 ล้านโดส และย้ำว่า สหรัฐจะยังคงอยู่เคียงข้างประเทศไทยสู้กับCV19

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส มีกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย CV19 ทั่วประเทศ (ฉี ดเป็นบูสต์เตอร์โดส 1 เ ข็ ม) 2.ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค 3.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง 4.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต
โดยก่อนหน้านี้ ภาคีบุคลาการทางการแพทย์ออกมาเรียกร้องให้สถานทูตสหรัฐ เข้าไปตรวจสอบการกระจายวัคซีนให้โปร่งใส เพราะต้องการให้นำไปฉีดให้จนท.ด่านหน้าก่อนจำนวน 5 แสนโดส


ล่าสุดมีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้วิจารณ์ในเรื่องนี้ โดยได้แท็กชื่อ รมต.อนุทิน ด้วย



อย่างไรก็ตามทีมงานขอให้คนไทยได้รับ วัค ซีน กันครบทุกคนครับ
No comments:
Post a Comment