เรียกได้ว่าปีนี้ประเทศไทยคงยังต้องเจอ มรสุมฤดูฝน ที่เริ่มมีแนวโน้มปริมาณน้ำมากตกชุกหนาแน่นกว่าค่าเฉลี่ยปกติจากผลกระทบอิทธิพลปรากฏการณ์ลานีญาแผ่ปกคลุมทุกภาคตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทั้งยังมีปัจจัยใน เดือน ส.ค.-ต.ค. คาดมีพายุเข้าประเทศไทย 2-3 ลูก เคลื่อนผ่าน ภาคอีสาน และภาคเหนือ บริเวณนี้อาจเจอ น้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง ซ้ำเติมโถมทับสถานการณ์โร คระบาดย่ ำแ ย่หนักขึ้นอีก
ดังก่อนหน้านี้ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เจอฝนตกหนัก ลำห้วยแม่สอดล้นตลิ่ง ไหลบ่าเข้าท่วมหน่วยงานราชการ ทั้งโรงพักแม่สอด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าท่วมชุมชนเขตเทศบาลนครพากันหนีโกลาหลเดือดร้อนกันระนาว
ตอกย้ำเป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และดูแลผู้ติด CV-19 ลำบากขึ้น เช่นกรณีน้ำท่วมเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา...เมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน เรื่องนี้ต้องมีแผนอพยพรับมือน้ำท่วมที่กำลังจะมาถึง รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ให้ข้อมูลว่า
ประเทศไทยเข้าอยู่ใน โหมดลานีญา ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. 2563-พ.ค.2564 จากนั้นก็จะอ่อนกำลังลงเข้าสู่สภาวะปกติคงที่ไปถึงปลายปีนี้ แต่ปรากฏว่าในเดือน มิ.ย.มานี้ ลานีญาดีดตัวกลับเพิ่มกำลังแรงขึ้น นั่นหมายความว่า ลมสินค้า หรือลมประจำปีทางทิศตะวันออก เริ่มมีกำลังแรงผิดปกติเช่นกัน
เหตุนี้ลมสินค้าได้นำ ความชื้นในมหาสมุทรทะเลจีนใต้ ก่อตัวเป็นพายุที่รุนแรงผ่านมาสู่ ประเทศภูมิภาคเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นที่เกิดขึ้นแล้วใน เมืองเจิ้งโจวของจีน ที่มีฝนตกหนักอันเกิดจากผลพวง ลานีญาดีดกลับตัวกำลังแรง ให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่สร้างความเสียหายตามที่เป็นข่าว
ปกติในเดือน ก.ค.-ส.ค.ทุกปี ร่องมรสุมพาดผ่านปกคลุมจีน ที่มักมีฝนตกหนาแน่นอยู่เดิมแต่ด้วยจังหวะที่ ลานีญาเพิ่มกำลังพอดี เป็นตัวแปรให้เกิดพายุแรงกลายเป็น ภัยพิบัติน้ำท่วม ตามมานี้
ประเด็นมีอยู่ว่า ลานีญา ยังเป็นปัจจัยให้เกิดกระแสลมแรงดันความชื้นจากทะเลจีนใต้ทั้งปวงก่อให้เกิด พายุฝนรุ นแร ง ขึ้นอีกได้แน่ๆ แต่ไม่รู้วันเวลาการเกิดขึ้นชัดเจนเท่านั้น ที่ไม่ใช่แผ่อิทธิพลปกคลุมได้เฉพาะ ประเทศจีน หรือเวียดนาม ซึ่งยังสามารถพัดผ่านทะลุมาถึง สปป.ลาวเข้ามาในไทย อีกด้วยซ้ำ
ฉะนั้นปีนี้ ประเทศไทย จำเป็นต้องติดตาม สถานการณ์น้ำฝน อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือน ก.ย.-ต.ค.ที่มีความเสี่ย งสูงต่อ การเกิดพายุฝนแรง เพราะปกติช่วงนี้ฝนตกชุกหนาแน่นกว่าเดือนอื่นอยู่แล้วจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือ ภาคอีสาน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมด้วย
โดยเฉพาะปัจจัย ลานีญาเข้ามาผสมโรง เป็นตัวหนุนให้ พายุหมุนเขตร้อนที่จะเข้ามาในช่วงนี้อีกราว 2-3 ลูก ดีดยกระดับการก่อตัวให้มีพลังงานแรงยิ่งขึ้นแล้วเคลื่อนมาใกล้หรือเข้าสู่ในไทยบริเวณตอนบนภาคเหนือและภาคอีสาน กลายเป็นอุทกภัยโหมกระหน่ำหนักมากกว่าทุกครั้งก็ได้ รศ.ดร.เสรี ว่า
ถ้าหากถามว่า...พื้นที่ใดของประเทศรับผลกระทบบ้างนั้น ตอนนี้ไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เพราะการระบุเส้นทางเคลื่อนตัวพายุมักต้องใช้หลักคำนวณระยะสั้น 3-4 วันล่วงหน้า จึงสามารถเจาะจงพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ แต่ก็คาดว่าน่าจะมีผลกระทบกินพื้นที่ตั้งแต่ภาคอีสานตอนกลาง ภาคเหนือและภาคใต้
โชคดี ประเทศไทย มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป ล้อมรอบเทือกเขายาวจากภาคเหนือ และฝั่งติด สปป.ลาว ทำให้ กระแสลมมรสุมพายุ ผ่านตรงเข้ามาในไทยได้ลำบาก โอกาสเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่เหมือนเหตุการณ์ เมืองเจิ้งโจวของจีน ก็คงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่อาจประมาทนิ่งนอนใจได้
เพราะก่อนนี้ เมืองเจิ้งโจว เคยคำนวณการเกิดพายุล่วงหน้าไว้ โอกาสการเกิดน้ำท่วมใหญ่มีความเป็นไปได้น้อย แต่สุดท้ายก็กลับเกิดขึ้นได้ ดังนั้นไม่ควรโฟกัสว่าพายุจะเกิดหรือไม่ แต่ควรเน้นใส่ใจแผนรับมือ ตรวจศักยภาพบุคลากร และอุปกรณ์ ให้พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ดีที่สุด
หากว่า จุดใดบกพร่อง ต้องเพิ่มศักยภาพให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะในยามปกติประเทศไทยเจอ ฝนตกไม่ถึง 2 วัน การรับมือก็ค่อนข้างลำบากจนมักมี ปัญหาน้ำท่วม ประจำทุกปีอยู่แล้ว
จริงๆแล้ว...สภาพอากาศประเทศไทยเปลี่ยนแปลงผิดปกติมาราว 10 ปีแล้ว จากอิทธิพลปรากฏการณ์ Climate Change ที่เกิดจาก ภาวะโลกร้อน ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลอุ่นส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวนกระทบต่อ ลานีญา เอลนีโญ เกิดถี่บ่อยรุนแรง สังเกตจากเวลาร้อนก็ร้อนจัด หรือฤดูฝนก็ตกหนักมาก
ในส่วน ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติฯ สามารถตรวจดูค่าเฉลี่ยค่าปริมาณฝนและอุณหภูมิอากาศย้อนหลังได้ราว 60 ปี ทำให้พบว่า ในรอบทุก 30 ปีปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้น 20% ดังนั้นอนาคต ช่วงฤดูฝน มักมีฝนตกหนักรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกเป็นประมาณ 120% หรือ 1.2 เท่า
ทว่าทำให้ห่วง กรุงเทพฯ ออกแบบระบบระบายน้ำรองรับฝนตก 60 มิลลิเมตร ถ้าหากมี ฝนตกหนัก มักมีปัญหาน้ำท่วมขังขึ้นทุกปีก็ได้ ดังเช่นปี 2560 ปริมาณฝนสะสม 7 วันราว 388 มิลลิเมตร เหตุนี้อย่าคิดว่า พายุฝนตกหนัก เป็นเรื่องไกลตัว จำเป็นต้องมีแผนรับมือให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อลดการสู ญเสี ยให้น้อยที่สุด
สุดท้ายคาดว่า ลานีญา ที่น่าจะอ่อนกำลังเข้าสู่ค่าปกติเดือน มี.ค.2565 แต่เป็นการคำนวณระยะยาวคงต้องติดตามกันต่อว่า ลากยาวถึงฤดูฝนในเดือน ส.ค.-ก.ย.2565 หรือไม่ เพราะอาจเป็นปัจจัยเสี่ย งอันตรายต่อการเกิดน้ำท่วมเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามมาก็ได้
เพราะนี่คือ ภัยซ้ำซ้อน อย่าประมาทต่อสถานการณ์ความเสี่ย งแล้วจำเป็นต้องมี ยุทธศาสตร์แผนสำรองปฏิบัติชัดเจน เพื่อลดความโกลาหลเกิดความเสี่ย งเสียหายให้น้อยสุด
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ประเทศไทยคงยังต้องเจอ มรสุมฤดูฝน ที่เริ่มมีแนวโน้มปริมาณน้ำมากตกชุกหนาแน่น คาด ส.ค.-ต.ค. มีพายุเข้าประเทศไทย 2-3 ลูก อาจเกิดน้ำท่วม ซ้ำเติม
No comments:
Post a Comment