ก่อนที่มาม่าจะประสบความสำเร็จภายใต้การบริหารของพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด มหาชน
ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าผู้บริหารท่านนี้เคยลองผิดลองถูกมามากมายจากการออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตัวแรกคือบะหมี่ฮกเกี้ยน
ถึงจะสำรวจและทดลองการตลาดแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะชื่อแบรนด์ไม่บอกอะไร ต่อเมื่อพัฒนาสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์มาม่าซุปไก่หรือมาม่า สู่ตลาด
และสามารถขายดี และเป็นก้าวแรกที่ต่อยอดไปสู่การเป็นผู้นำตลาดยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแบรด์ มาม่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเบอร์ 1 ของเมืองไทย
ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกว่าหมื่นล้านและยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งมรยาวนาน โดยในปี 2565 มาม่าจะฉลองครบรอบ 50 ปี
มีเป้าหมายใหญ่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต สร้างยอดขายแตะ 30,000 ล้านบาท และที่ผ่านมา มาม่าก็คงยังครองอันดับหนึ่งมาโดยตลอด
และได้ผุดเคมเปญ ตระกูลแซ่บ ทุ่ม 200 ล้านบาท โหมตลาด 1.58 หมื่นล้านบาท สร้างความฮือฮาด้วยการคว้าตัวนางเอกตัวแม่ อั้ม พัชราภา เป็นพรีเซ็นเตอร์
อั้ม พัชราภา
โดยตั้งเป้าดันยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทในปีนั้น จัดแคมเปญ ตระกูลแซ่บ เพื่อโปรโมท 3 รสชาติต้นแบบความอร่อยแซ่บของมาม่าเพื่อสร้างการจดจำและเน้นย้ำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความเป็นอันดับหนึ่ง
และปัจจุบันมีสถานการณ์แบบนี้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องเนื่องจากกำลังการผลิตออกสู่ตลาดราว 300 ล้านซองต่อเดือน
ผลักดันให้ตลาดโตอยู่แล้ว ยิ่งมีสถานการณ์ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตถึง 15 ล้านซองต่อวัน
โดยยังไม่นับรวมสินค้านำเข้า ยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอต่อการบริโภคอย่างแน่นอน นี่ไม่นับรวมสินค้าประเภทอื่นๆ
ต้องยอมรับในคุณภาพของเจ้าของแบรนด์ที่สามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบไตได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ
เรียกได้ว่าการหาพรีเซ็นเตอร์นั้น สามารถส่งผลให้แบรนด์ยิ่งยอดขายดีไปอีกถึงแม้ว่าจะขายดีอยู่แล้ว ยิ่งสิ้นเดือนยิ่งขายดี
สุดยอดมากจ้า
No comments:
Post a Comment