
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่พูดถึงกันอย่างมากจากกรณี น.ส.น้ำทิพย์ อายุ 40 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ร้องทุกข์เกี่ยวกับงานวิวาห์ล่มกับสื่อมวลชน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นทหารยศ จ.ส.อ.เอก อายุ 43 ปี ได้คบหากันตั้งแต่เดือนพ.ย. 64 และตกลงว่าจะแต่งงานกันในวันที่ 1 พ.ค. 65จากกรณี น.ส.น้ำทิพย์ อายุ 40 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่ง

ในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ร้องทุกข์เกี่ยวกับงานวิวาห์ล่มกับสื่อมวลชน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นทหารยศ จ.ส.อ.เอก อายุ 43 ปี ได้คบหากันตั้งแต่เดือนพ.ย. 64 และตกลงว่าจะแต่งงานกันในวันที่ 1 พ.ค. 65 นางสาวน้ำทิพย์ เจ้าสาว บอกว่าตั้งแต่ได้คุยกันในแชตไลน์ที่ส่งให้ทีมข่าวดูเมื่อวาน ตนก็ไม่ได้คุยกับนายเอกอีกเลย แต่ยอมรับว่าอยากโทรไปคุย อยากฟังจากปากเขาว่าวันที่ 11 พฤษภาคมนี้

จะมาตามนัดไหม เพราะที่ผ่านมาเขาโกหกมาตลอด โกหกแม้กระทั่งครอบครัวของเขา จึงรู้สึกไม่เชื่อว่าเขาจะมาจริง ๆ พร้อมบอกว่าตอนนี้ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่เจอเขาในวันนัด ก็เลยตั้งใจว่าหากเขาไม่มาก็จะขอดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อเป็นบทเรียน เขาจะได้ไม่ไปหลอกใครอีกยอมรับว่ารู้สึกทั้งโกรธ เสียใจ จนพูดไม่ออก หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำ

มันทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งและครอบครัวต้องอาย ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนและครอบครัวไม่กล้าออกจากบ้านหรือไปไหนเลย แต่ยังดีที่มีญาติพี่น้องมาเยี่ยม มาให้กำลังใจตลอด แล้วยิ่งมารู้ว่าในอดีตเมื่อปี 2563 นายเอกเคยไปก่อวีรกรรมลักษณะเดียวกันกับผู้หญิงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจ เกิดคำถามมากมายในหัวว่าทำไมเขาต้องไปหลอกผู้หญิงด้วย ทำไปเพื่ออะไร นอกจากนี้

ตอนที่ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับนายเอกเขาเองจะใช้กลวิธีมัดใจตน ด้วยการโอนเงินเดือนทั้งหมดของเขามาเก็บไว้กับตน เดือนละประมาณ 8,000ถึง10,000 บาท แล้วเมื่อไรที่เขาต้องการใช้เงิน ก็จะมาขอไปเรื่อย ๆ ครั้งละประมาณ 1,000ถึง2,000 บาท เอาไปซื้อของใช้บ้าง ซื้อของกินบ้าง แต่ตนก็ไม่ได้คำนวณว่ารายรับที่ได้มาจากเขา กับรายจ่ายที่เขาขอไปมันสอดคล้องกันไหม เพราะยังรักกัน จน

กระทั่งหลังเกิดเหตุ ก็ลองนั่งนึกย้อนและเปรียบเทียบดู ปรากฎว่าบางเดือนเขาขอเงินออกไปประมาณเดือนละ 4-5 ครั้ง ครั้งละ 1,000ถึง2,000 บาท ซึ่งบางเดือนมันมากกว่าเงินที่เขาให้ไว้อีก เพียงแค่ตอนนั้นตนไม่ได้คำนวณ เพราะฉะนั้นจุดจบของเรื่องนี้ ตนจึงยืนยันว่าจะต้องได้เงินค่าจัดงานแต่งทั้งหมดที่เสียไปกลับมา หากไม่เช่นนั้นก็ขอเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดี และเมื่อไหร่ที่เขาถูกดำเนินคดี ตน

ถึงจะสามารถก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ ส่วนคำง้อคำขอคืนดีต่าง ๆ นานาที่นายเอกพิมพ์มาในไลน์ ตนยังยืนยันคำเดิมและหนักแน่นกว่าเก่าว่าจะไม่ขอกลับไปคืนดี ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รีเทิร์น จบคือจบขณะที่มีญาติของผู้เสียหาย ที่เคยถูกนายเอกหลอกขอแต่งงาน แล้วก็ไม่ยอมไปงานแต่ง เหมือนกับ น.ส.น้ำทิพย์ ติดต่อมาทางเพจเฟซบุ๊กทุบโต๊ะข่าว เปิดพฤติกรรมของนายเอกที่เคยไปสร้างเรื่องเอาไว้ ที่

หมู่บ้านแห่งหนึ่งในตัวเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยพฤติกรรมของ นายเอก อดีตเคยเป็นการ์ดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา และอ้างตัวเป็นนายทหารยศร้อยเอก ไปจีบสาวเสิร์ฟ ชื่อว่า น.ส.กัญญารัตน์ ว่านล้อมให้หลงรัก จน น.ส.กัญญารัตน์ พาเข้าบ้านไปรู้จักพ่อกับแม่ อยู่กินกันฉันสามีภรรยา ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะออกอุบาย ขอ น.ส.กัญญารัตน์ แต่งงาน โดยยื่นข้อ

เสนอ สินสอดเป็นเงินสด จำนวน 2 แสน ทอง 4 บาท พร้อมบ้านอีก 1 หลัง จนกระทั่งฝ่ายหญิง สั่งทำการ์ดแต่งงาน ไปจำนวน 100 ใบ โดยมีกำหนดแต่งกันในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 และจะมีพิธีมั่นก่อนในวันที่ 2 พฤษภาคม แต่พอถึงกำหนด นายเอกไม่ยอมไปงานมั่นโดยอ้างว่าติดราชการด่วน พอเจ้าสาวโทรศัพท์ไปตามหนักเข้า สุดท้ายมีปัญหากับแม่ แม่ไม่ยอมรับเจ้าสาว ทำให้

งานแต่งของ น.ส.กัญญารัตน์ ต้องเลิกไปในช่วงเช้า ของวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 แล้วนายเอกก็หายตัวไปในที่สุดโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ น.ส.กัญญารัตน์ ต้องเสียเงินทำการ์ดแต่งงานไปจำนวน 600 บาท และเงินซื้ออาหารเตรียมต้อนรับฝ่ายชาย จำนวน 5,000 บาท นางนันทวัน แม่ของ น.ส.กัญญารัตน์ เดินเอาการ์ดงานแต่งมาให้ทีมข่าวดู เปิดใจกับทีมข่าวว่า ก่อนที่นายเอกจะเข้ามาอยู่ที่บ้าน

ก็รู้ว่านายเอกคบหาอยู่กับบุตรสาว เข้าออกที่บ้านอยู่ประมาณ 5ถึง6 เดือน ก่อนจะให้บุตรสาวมาขออนุญาตอยู่กินที่บ้านในช่วงเดือน เมษายน 2563 จากนั้นพออยู่กินกันที่บ้านได้ประมาณ 1 เดือน นายเอกก็ให้ความมั่นใจตนเอง ด้วยการขอบุตรสาวแต่งงาน โดยยื่นข้อเสนอเป็นสินสอด เงินสดจำนวน 4 แสนบาท และทองคำอีก 5 บาท ยอมรับว่าตอนนั้นไว้ใจนายเอกมาก เนื่องจากบุตรสาวบอกว่านายเอกเป็น

ทหารยศร้อยเอก แล้วระหว่างที่นายเอกมาอยู่ที่บ้าน นายเอกเป็นคนพูดจาเพราะ เอาใจคนในครอบครัวและบุตรสาวเก่ง จนกระทั่งมาถึงกำหนดวันมั่น ในช่วงเช้าของวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 นายเอกขอตัวออกจากบ้าน ไปรับญาติมาร่วมพิธี แล้วก็หายตัวไป จนบุตรสาวต้องโทรไปตาม พอนายเอกรับสายก็อ้างว่ามีปัญหากับแม่ แม่ไม่ยอมมาร่วมงานมั่น แม่ไม่ยอมรับในตัวเจ้าสาว จนทำให้งานมั่นและงาน

แต่ง ที่บุตรสาวจัดเตรียมเอาไว้ล้มลงในที่สุด แต่ยังโชคดีที่บุตรสาวสูญเงิน จัดงานแต่งไปเพียงไม่ถึงหมื่นบาท นอกจากนี้ หลังจากงานแต่งล้ม นายเอกยังมาตามง้อขอคืนดีกับบุตรสาว อ้างว่าจะหาเงินมาคืนให้ และขอกลับมาอยู่ที่บ้าน จนมาหลอกเงินทางญาติแล้วก็หนีไปในที่สุด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็อยากจะให้ตำรวจตามจับนายเอกมาดำเนินคดี จะได้ไม่ต้องไปหลอกใครอีก


ขอบคุณข้อมูล อมรินทร์ ทีวี ออนไลน์ ช่อง34HD
No comments:
Post a Comment