
ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือลดเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 1 ของค่าจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 (เดือนละ 432 บาท) เหลือร้อยละ 1.9 คิดเป็นเงินเดือนละ 91 บาท
โดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2565 สำหรับฝ่ายรัฐบาลยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และผู้ใช้แรงงาน ได้ออก 10 มาตรการ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ใช้แรงงาน หนึ่งในนั้นคือการลดเงินสมทบประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือนายจ้างผู้ประกอบการ และพี่น้องผู้ประกันตน
โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์ CV - 19 และสถานการณ์ระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และบริการของทั้งในและต่างประเทศ นั้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ ส.ค. 65 ผู้ประกันตนจะต้องจ่าย เงินสมทบประกันสังคม ตามมาตราผู้ประกันตนดังนี้ มาตรา 33 (ม.33)
ส่งเงินสมทบหักเข้าประกันสังคม 5% ต่อเดือน หรือ 750 บาท ต่อเดือน
ตัวอย่างเช่น
เงินเดือน 8,000 บาท x 5% = 400 บาท
เงินเดือน 15,000 บาท x 5% = 750 บาท
มาตรา 39 (ม.39)
ส่งเงินสมทบประกันสังคม 9% ต่อเดือน หรือ 432 บาทต่อเดือน
เงินเดือน 4,800 บาท x 9% = 432 บาท
มาตรา 40 (ม.40)
มาตรา 40 (ม.40) สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบได้ ดังนี้
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน (กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต) จ่ายเงินสมทบ 70 บาท ต่อเดือน
2.จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน (กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต และ ชราภาพ จ่ายเงินสมบท 100 บาท ต่อเดือน
33 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน (กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และ สงเคราะห์บุตร จ่ายเงินสมทบ 300 บาทต่อเดือน
No comments:
Post a Comment