
เป็นนางเอกไม่ได่อีก แบกหนี้ 20 ร้านขายตามสั่ง!
เปิดชีวิต ‘แหม่ม อลิษา’ จับมือแฟนสาวยืนผัดข้าวขาย ไม่เหลือเค้านางเอก
หลังมีข่าวอดีตนางเอกสาวชื่อดัง ‘แหม่ม อลิษา ขจรไชยกุล’ อายุ 54 ปี ที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิงนานหลายปี เปิดขายอาหารตามสั่งที่ร้านกาแฟริมริน

อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ถูกเผยแพร่ตามสื่อและโลกโซเชียล จนกลายเป็นกระแสให้บรรดาแฟนคลับ และผู้ที่ชื่นชอบผลงานติดตามไปอุดหนุนอาหารตามสั่ง

ของอดีตนางเอกสาวชื่อดังกันอย่างล้นหลาม หวังให้กำลังใจอดีตนางเอกสู้ชีวิตต่อไป งานทุกอย่างอดีตนางเอกต้องทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ทำอาหาร เสิร์ฟ เก็บและล้างจานเอง ไม่มีลูกจ้างคอยช่วย

ในอดีต ‘แหม่ม อลิษา’ เข้าสู่วงการจากการประกวดนางงามในระดับท้องถิ่น เคยเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด ‘มิสเวิลด์’ ในปี พ.ศ. 2525 ที่อังกฤษ

ก่อนจะเข้ามาประกวดนางสาวไทยในปี พ.ศ. 2527 เข้ารอบ 30 คนสุดท้ายปีเดียวกับ ‘สาวิณี’ ปะการะนังซึ่งได้เป็นนางสาวไทยปีนั้น

และเริ่มมีผลงานแสดงละครโทรทัศน์เรื่องแรกคือ ‘เบญจรงค์ห้าสี’ ทาง ช่อง 3 และแสดงภาพยนตร์ ‘อลิษา’ เคยมีผลงานร้องเพลงชุดหนึ่ง ชื่อชุด “คืนรักฝากลม”

ระยะหลัง ประมาณ พ.ศ. 2544 ออกจากวงการไป เพราะมีปัญหาสุขภาพ ในปี พ.ศ. 2546 ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘องคุลีมาล’ รับบท ‘มันตานี’

มารดาของ ‘องคุลีมาล’ ได้รับรางวัลนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ ‘สุพรรณหงส์’ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2546

ก่อนที่ช่วงหลัง เจ้าตัวจะห่างหายไปจากวงการ เนื่องด้วยสุขภาพและรปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มีข้อจำกัดในการรับงาน และผันตัวเองเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง

“หนี้ 20 ล้าน เกิดจากเวลาเราทำกิ๊ฟช้อป มันจะมีบางตัวที่ตีกลับ ล็อตนึงตีกลับ 5-6 แสนก็มี คือไม่ผ่านเลย เพราะบางคัวเราไปจีน จากอุตสาหกรรม โรงงานเล็กๆ ย่อมๆ มันเยอะ

แต่วันนึงมันล้มขึ้นมามันเยอะมาก ตอนนั้นถึงขั้นคิดว่าไม่อยากอยู่แล้ว “มีความรู้สึกว่าถ้าตายแล้วคือจบ แต่มันก็มีประเด็นเล็กๆ ขึ้นมาว่า ไม่จบนะ หนี้สินผู้สืบทอดเหมือนว่าพ่อ แม่ ก็ต้องรับผิดชอบ

ก็เลยไม่ ก็อยู่ต่อ ลองอดทนอีกสักตั้ง” ตอนนี้หนี้หมดแล้ว คือไม่ว่าอะไรคือยอมที่จะเหลือแต่ตัว บ้านไม่มีอยู่ไม่เป็นไร แต่ให้หนี้มันหมด ทรัพย์สินทั้งหมดขายทอดตลาดและชดใช้ไป

สูงสุดคืนสู่สามัญ ยากมาก ร้องแบบถ้าเอามาเป็นสระว่ายน้ำไม่รู้คูณเท่าไหร่ เราแก้ปัญหาด้วยการไม่พูดไม่บอกใคร เรานั่งร้องไห้ นั่งเกาะหน้าต่าง เดี๋ยวก็เช้าแล้ว

ชีวิตมันต้องหาจุด เดี๋ยวมีละครตอนบ่าย ฉันอยากดูเรื่องนี้ มันต้องหาจุดไปเรื่อยๆ ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ เรามีจุดว่าฉันอยากได้อันนี้เมื่อก่อนฉันก็เคยได้แล้ว

ฉันอยากไปตรงนี้เมื่อก่อนฉันก็เคยไปแล้ว อย่างน้อยๆ ฉันก็เคยไปมาเกือบครึ่งโลก ในขณะที่บางคนเขาไม่เคยไปไหนเลยก็ได้ เพราะมันเลยจุดตรงนั้นมาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าฝันตัวเองข้างหน้า ถ้าทำได้อยากทำต่อไป”

No comments:
Post a Comment