
วันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนุ่มใหญ่วัย 53 ปี ติดเงินกู้นอกระบบ 3 หมื่นบาท โดยที่ผู้ภรรยาไม่ทราบเรื่อง และถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบ ติดตามทวงหนี้ทำให้หนุ่มใหญ่หาทางออกไม่ได้ จากนั้น จึงโทรศัพท์หาเพื่อน 3 คน ขอกู้ยืมเงินรวมกันได้ 3 หมื่นบาท และโอนเข้าบัญชีให้กับ แก๊งเงินกู้

และเมื่อหนุ่มใหญ่ขับรถยนต์มาถึงบ้านภรรยา ซึ่งเปิดร้านเสริมสวยอยู่ในตัวเมืองระยอง หนุ่มใหญ่จึงโกหกภรรยาว่า สาเหตุที่มาถึงบ้านล่าช้า เนื่องจากขณะที่ขับรถยนต์ออกจากที่ทำงานในกรุงเทพมหานคร กระทั้งถึงถนนพระราม 7 ถูกตำรวจตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์พบสิ่งผิดกฏหมายอยู่ในรถ และถูกตำรวจเรียกเงิน แลกกับไม่ถูกดำเนินคดี ตนเองจึงโทรศัพท์ไปขอยืมเงินเพื่อน 3 คน โอนให้กับตำรวจนอกเครื่องแบบ

จากนั้นตำรวจจึงได้ปล่อยตัว จึงทำให้มาถึงบ้านล่าช้า แต่การบอกเล่าของหนุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นสามี ภรรยาเกิดความสงสัย เนื่องจากพบพิรุธหนุ่มใหญ่ผู้เป็นสามี จากนั้นจึงเค้นสอบถามและให้สามีรับสารภาพว่าเงินที่โทรศัพท์ไปขอยืมเพื่อนจำนวน 3 หมื่นบาท นำไปใช้จ่ายอะไร และเมื่อหนุ่มใหญ่ผู้เป็นสามีถูกภรรยาสาว เค้นสอบถามอย่างหนัก จึงยอมรับสารภาพกับภรรยาว่า เงินที่โทรศัพท์ขอยืมเพื่อนโอนเข้าบัญชี แก๊งเงินกู้นอกระบบ

และเมื่อภรรยาทราบความจริง ถึงกับหัวร้อนเลือดขึ้นหน้า จึงบังคับหนุ่มใหญ่สามีกราบเท้าตนเองเพื่อขอโทษยอมรับผิด และขณะที่สามีกำลังก้มกราบเท้าภรรยา ด้วยความโกรธแค้นที่ถูกหนุ่มใหญ่สามีโกหก ภรรยาสาวจึงใช้เท้าเหยีย-บศรีษะหนุ่มใหญ่สามีด้วยความโกรธแค้น

ทั้งนี้หนุ่มใหญ่ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องโกหกภรรยา เนื่องจากเงินเดือนไม่พอใช้จ่ายในครอบครัวภรรยา และบุตร 1 คน จึงต้องไปกู้เงินนอกระบบ มาใช้จ่ายโดยที่ภรรยาไม่ทราบเรื่อง แต่เนื่องจากถูกแก๊งกู้นอกระบบเร่งรัดให้ตนเองคืนเงินที่กู้ยืม ทำให้ตนเองไม่มีทางออกเนื่องมีเงินไม่เพียงพอ จึงโทรศัพท์ไปขอยืมเพื่อนร่วมงาน และโอนให้กับแก๊งเงินกู้นอกระบบ
จากนั้นจึงกุเรื่องโกหกภรรยา กระทั้งถูกภรรยาจับได้และโกรธแค้น เนื่องจากภรรยาไม่ชอบให้ตนเองไปกู้ยืมเงินนอกระบบ นอกจากนี้ภรรยาสงสัยว่าตนเองมีหญิงคนอื่นและนำเงินเดือน ไปให้หญิงคนอื่นใช้และสร้างเรื่องโกหกดังกล่าว

ข่าวโดย ธนิทธิ ผิวงาม ผู้สื่อข่าวจังหวัดระยอง
No comments:
Post a Comment