
ยืนผัดข้าวขาย บ้านรถถูกยึดเกลี้ยง
ชีวิตหลังจอ ‘อาฉี เสียงหล่อ’ ไร้งานละครยังฮึดสู้ เปิดตามสั่งเลี้ยงตัว
นอกจากตลกแล้ว ยังมีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สำหรับ “อาฉี เสียงหล่อ” นักแสดงตลก เจ้าของสำนวน ” บัดซบจริงๆเลย”
ซึ่งปัจจุบัยเจ้าตัวได้หายหน้าหายตาไปจากหน้าจอทีวีนานพักใหญ่ ทราบว่าผันไปเปิดร้านอาหาร ‘อาฉี เสียงหล่อ’ อยู่ จ.ราชบุรี
หายไปไหนมา? “เขาไม่จ้าง เพราะเราดื้อในมุมของเรา เราไปทำธุรกิจของเรา แบ่งเวลาไม่ถูก ในการจัดการเราไม่ถนัด ปัญหานักแสดงที่มีปัญหาคือผู้จัดการ
การจัดคิว เราเลยมาจัดการเอง แต่มีปัญหาเยอะ คิดเรื่องการแสดง การจัดคิวตัวเอง ไม่มีใคร 100% หรอก และที่เราหายไป เราไม่ยึดติดมันเป็นเรื่องของวัฏจักร”
หรือเพราะดังจนไม่รับงาน จนฉีกตัวออกมา? “ผมไม่ทราบ ไม่เอ่ยถึงบุคคลที่สาม เราตีโจทย์ชีวิตเราเองว่าเราทำอะไรอยู่ เราเป็นอะไรก็ได้ ไม่มีคำว่าสุดยอดหรือว่าดีที่สุด แต่ก็มีน้อยใจในโชคชะตา เพราะเราเป็นมนุษย์ ผู้ใหญ่ไม่สนับสนุน แต่เราก็ปล่อยวาง”
เลยผันตัวไปเป็นพ่อค้า? “ไม่ได้ผันไปไหน ยังรับงานอยู่ แต่ที่ขายลาบเพราะเราเป็นคนอีสานด้วย เปิดที่บางใหญ่และราชบุรี เปิดในช่วงโควิด ตอนนี้รายได้ก็อยู่ได้ ส่วนมีข่าวว่าจะโดนยึดบ้านยึดรถ
ไม่ได้ยึดในช่วงโควิด มันจะโดนยึดมาตั้งนานแล้ว โควิดมันแค่อดอยากเฉยๆ มันชักหน้าไม่ถึงหลัง พอโควิดมันก็เกิดหนี้สิน แค่หลักแสน แต่ก็ไม่หนักอะไรมาก
เพราะตอนนั้นเงินไม่เหลือเลย ยืมคนอื่นบ้าง เราพกตังค์ไม่ได้ เพราะช่วงที่เรามีก็ใจใหญ่ ดื่มกินเราก็แบ่งปันเพื่อนๆ”
ตอนยึดบ้าน ยึดรถ ตอนนั้นรู้สึกยังไง? “มันก็มีเสียใจ ทำไมชีวิตเราเดินไม่สุด แต่เวลาจะบอกเราเอง ได้กับไม่ได้ มันคือเท่ากัน เพราะแม่ที่บ้านบอกอย่าไปหวังมันเยอะ เพราะเรามา เราไม่มีอยู่แล้ว
ถ้าไป มันไม่มีอะไร ก็ไม่แปลก เพราะสถานการณ์ตอนนั้นที่โดนยึดบ้าน ตอนนั้นที่เราดังๆ ค่าของเงินมันไม่เหมือนกัน แต่พอผ่านมา ค่าใช้จ่ายมันเปลี่ยนแปลงไป ยุคเวลามันเปลี่ยนไป เราปรับสภาพไม่ทัน เราใช้ไปเรื่อยๆ
ไม่ปรับระบบ โทษใครไม่ได้ ก็โทษตัวเอง ผมอาจจะฟุ้งเฟ้อเกินไป ผมติดแบรนด์เสื้อผ้า เราเป็นเจ้าพ่อ แต่พอหลังๆ ถามตัวตนของเราอยู่ตรงไหน ตอนนี้ผ้าขาวม้าผืนเดียวพอ ซึ่งเรามารู้ตัวก็ตอนลำบาก ต้องหมดก่อน”
ที่ผ่านมาเจอแต่ปัญหา เราเคยคิดสั้นไหม?
“มันก็มีน้อยใจ แต่ว่าพอนึกถึงหน้าเมียหน้าลูก มันก็ไม่กล้าแหละ คิดสั้นมันก็มีบ้าง แต่ถึงกับฆ่าตัวตายนะ มันท้อ มันอยากหยุดทำ และที่ต้องกลับมาเพราะความรับผิดชอบที่เราต้องทำ มันฉุกคิด”
No comments:
Post a Comment