วันที่ 3 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์รายงานว่า จากกรณีที่คดีฆาตกรรมโหด น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์ขายปุ๋ย พบเป็นศพเหลือแต่โครงกระดูกอยู่ในรถเก๋งจมน้ำอยู่ในคลองชัยนาท-ป่าสัก ต.หนองโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.62 หลังหายตัวไปจากบ้านนานกว่า 3 ปี ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาลไปจับกุมตัวนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 63 ปี เสี่ยเจ้าของโรงปุ๋ย บริษัท ห้าดาวเคมีภัณฑ์ จำกัด อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และนายนิวัฒน์ เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ลูกน้องคนสนิท เบื้องต้นปมเหตุฆาตกรรมมาจากเรื่องชู้สาว นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ดำเนินคดี แต่ปรากฏว่าคดีสั่งฟ้องไม่ทันจนครบกำหนดฝากขัง ทำให้ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี และตำรวจไม่สามารถติดตามตัวมาส่งอัยการได้จนต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ
ทางด้านตำรวจขอหมายจับตามล่าตัว เสี่ยไฮ้ เสี่ย เจ้าของโรงปุ๋ยกับลูกน้องคนสนิท สองผู้ต้องหาร่วม สังหารโหดเซลส์สาวหมกรถเก๋งทิ้งจมคลองนานกว่า 3 ปี หลังถูกจับกุมเมื่อปลายปีก่อน แต่สำนวนคดีสั่งฟ้องไม่ทันจนครบกำหนดฝากขังต้องปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ก่อนเผ่นหนีหายทั้งคู่ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแจงเหตุ พนักงานสอบสวนถือสำนวนไว้ถึง 83 วัน ส่งให้อัยการเหลือเวลาพิจารณาแค่ 1 วัน ตั้งคณะทำงานด่วนมีประเด็นต้องสอบเพิ่มเลยยื่นฟ้องไม่ทัน ทำให้สองผู้ต้องหาได้รับอิสรภาพพ้นคุกไปเมื่อเดือน มี.ค. อัยการแจ้งพนักงานสอบสวนตามตัวมาสั่งฟ้องวันที่ 26 พ.ค. แต่ถึงตอนนี้ยังตามหาตัวไม่เจน
ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 12 มี.ค. เป็นการรับสำนวนในระหว่างการฝากขังนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี และนายนิวัฒน์ หรือแจ็ค เฉลิมวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 เป็นครั้งที่ 7 โดยจะครบวันสุดท้ายในวันที่ 13 มี.ค. เท่ากับเหลือเวลาให้อัยการพิจารณาเพียง 1 วัน พนักงานสอบสวนถือสำนวนไว้ 83 วัน จากทั้งหมด 84 วันที่จะครบกำหนดฝากขัง
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ขอเข้าพบ พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผบก.จว.สระบุรี ไม่สามารถเข้าพบได้เนื่องจากติดภารกิจในพระราชพิธีลงนามถวายพระพร ที่กรุงเทพฯ จึงได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคดีของนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 63 ปี พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ หรือแจ็ค เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ลูกน้องคนสนิท ทางด้าน พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ กล่าวว่า ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการในวันที่ 12 มี.ค.ซึ่งจะครบฝากขังในวันที่ 18 มี.ค.ก่อน 6 วันซึ่งอาจจะเกิดการสับสน คือผู้ต้องหามีทั้งหมด 3 คน คือเสี่ยไฮ้ แจ็ค และผู้ต้องหา 1 2 3 อีก 3 คน ผุ้ต้องหา ที่ 1 และ 2 ครบฝากขังวันที่ 7 มี.ค. และวันที่ 18 ซึ่งเป็นการฝากขังครั้งสุดท้าย แต่ผุ้ต้องหาคนที่ 3 ครบฝากขังครั้งที่ 2 วันที่ 13 มี.ค.
แต่ทางตรวจส่งสำนวนวันที่ 12 มี.ค.ที่บอกว่าวันเดียว ความจริงผู้ต้องหาคนที่ 3 ครบฝากขังวันที่ 2 ซึ่งผู้ต้องหา สามารถฝากขังได้อีก 2 ฝาก ก็คือ 48 วัน ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 25 วัน สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 ยังมีเวลาอยู่อีก 6 วัน ทางอัยการอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปมองคนสุดท้ายว่าเหลือเวลาแค่วันเดียว ซึ่งทางโน้นอาจจะสื่อสารกันผิดพลาด เลยบอกไปว่าส่งสำนวนล่าช้าทำให้มีเวลาในการพิจารณาแค่วันเดียว หลังจากนั้นทางอัยการได้สั่งเพิ่มเติมมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เพิ่มเติมไป ทำให้การสั่งฟ้อง กับสั่งฟ้องหลัก จากอำนาจควบคุมหมดไปแล้ว ซึ่งทางเรือนจำก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป พออัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก็บอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไป ทางผู้ต้องหาก็ไม่อยู่แล้ว ทางอัยการก็มีคำสั่งให้ออกหมายจับ แลก็ขอหมายจับแล้ว ซึ่งเมื่อวานตอนเย็น
ทางรองชนายุต ก็ได้ประชุมทีมงานสืบสวน รวมกำลังกับภาค ทางจังหวัด และทางโรงพัก ดำเนินการติดตามสืบสวน เพื่อที่จะดำเนินการติดตามตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งอัยการเพื่อนำฟ้องต่อศาล ซึ่งทางคดีก็ยังดำเนินการได้อยู่ เพียงแต่ว่าอำนาจควบคุมมันหมดไป แต่ยังไม่ขาดอายุความการดำเนินคดี แต่ทางเราก็จะตามตัวมา ถ้าตามตัวได้ก็จะนำส่งให้อัยการเอาฟ้องต่อศาล ส่วนความคืบหน้าของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการนำตัวผู้ต้องหาให้โดยเร็วที่สุด
เรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.สระบุรี
No comments:
Post a Comment