นับเป็นข่าวดีของกลุ่ม "ผู้ประกันตน มาตรา 33" ในระบบประกันสังคม ที่ขณะนี้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาตรการมาช่วยเหลือเยียวยา ม.33 เรารักกัน เนื่องจากเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ จากที่ก่อนหน้าที่เกิดการเรียกร้องจากกลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 จากการที่ไม่ได้รับสิทธิในมาตรการเราชนะ เนื่องจากมุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาชีพอิสระ เกษตรกร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) รวมถึงกลุ่มที่มีสิทธิคนละครึ่งหรือเราเที่ยวด้วยกัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมายืนยันถึงความคืบหน้ามาตรการ ม.33 เรารักกัน ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ช่วยดูแลพี่น้องแรงงานจากผลกระทบ รวมทั้งนายจ้าง ผู้ประกอบการให้เหมือนคนในครอบครัว
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างต้องปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย และได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อหาแนวทางการในการเพิ่มการเยียวยาแก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 ให้เท่าเทียมกับกลุ่มอื่นๆ ที่รัฐได้ช่วยเหลือไปแล้ว
ทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบรัฐบาลจึง เ ยี ย ว ย ารายละ 4,000 บาท โดยมีเงื่อนไข 4 ข้อหลักๆ ดังนี้
1) ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
2) เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33
3) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
4) ไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันเกิน 500,000 บาท
ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกันตน มาตรา 33 เข้าข่ายมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาในครั้งนี้ จำนวน 9.27 ล้านคน ใช้วงเงินทั้งสิ้นประมาณ 37,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงไทยได้ยืนยันระยะเวลาการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว โดยกำหนดไทม์ไลน์ ดังนี้
21 ก.พ. - 7 มี.ค.64 ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com และตรวจสอบการได้รับสิทธิ
8-14 มี.ค.64 ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง
15 - 21 มี.ค.64 กดใช้งานและกดยืนยันตัวผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง
22, 29 มี.ค.64 และ 5,12 เม.ย.64 ได้วงเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง
22 มี.ค. 31 พ.ค.64 เริ่มใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ โยสามารถใช้ได้กับร้านค้าภายใต้โครงการเราชนะ
ที่มา : กระทรวงแรงงาน, สำนักงานประกันสังคม, กระทรวงการคลัง
No comments:
Post a Comment