จากกรณีชาวบ้านอ.ท่าฉาง และอ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี รวมตัวกันกว่า 20 คน บุกไปที่บ้านของเจ้ามือ เลข ใต้ดิน เพื่อทวงเงินรางวัลหลังมีลูกค้าถูกมูลค่า 6 ล้านบาท ซึ่งเลขที่ถูกส่วนใหญ่เป็นเลข แม่น้ำหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้ามือกลับเผ่นหนี ชาวบ้านจึงรวมตัวกดดัน
ล่าสุด น.ส.ทิพวรรณ สุวรรณศรี หรือ สาว อายุ 40 ปี คนขาย ในฐานะคนเดินโพย กล่าวว่า ตนขายและส่งให้กับนายเดช ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยมีลูกค้าในมือประมาณ 45 คน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติพี่น้อง และชาวบ้านในพื้นที่ อ.วิภาวดี โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 มีลูกค้าถูกรางวัลประมาณ 530,000 บาท แต่ตัวเลขส่วนใหญ่ที่ลูกค้าถูกรางวัลไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวเลขของแม่น้ำหนึ่ง มีตัวเลขที่ชาวบ้านฝันแล้วนำมาซื้อ แต่ไปตรงกับตัวเลขของแม่น้ำหนึ่ง ซึ่งทีแรกตนก็ได้ถามไปยังนายเดช ว่าจะมีการล็อกหรืออั้นหรือไม่
แต่นายเดชบอกว่ารับทุกตัวเลขเต็มจำนวน แต่จะมีตัวเลขบางตัวเลขที่มีการล็อกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้มีตัวเลขของแม่น้ำหนึ่งปรากฏแต่อย่างใด ฉะนั้นตนจึงรับซื้อตามปกติ และนายเดช บอกว่ารับ ทุกจำนวนหากตัวเลขไหนรับไม่ไหว ก็จะส่งต่อให้กับเจ้าอื่น กระทั่งผ่านไปแล้วกว่า 4 วัน ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายเดช ว่าจะนำเงินมาคืนหรือจ่ายให้กับลูกค้าหรือไม่
ในทางกลับกันมีลูกค้าบางรายโทรศัพท์มา ขู่ ซึ่งตนในฐานะคนขายก็กินเปอร์เซ็นต์จากเจ้ามือ คงไม่มีเงินมากถึง 500,000 บาทที่จะนำไปคืน เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะการขาย งว ด ช น งว ด บางคนก็ยังไม่จ่ายเงิน บางคนก็มีจ่ายแล้ว ทำให้ไม่สามารถมีเงินไปคืนตามที่ลูกค้าต้องการได้ แต่หากเป็นไปได้มีลูกค้าที่ยินยอม พร้อมที่จะรับเงินคืนในจำนวนที่ซื้อ เช่น ชื้อ 100 บาท คืนเงิน 100 บาท ตนก็พร้อมที่จะจ่ายชดใช้ในจำนวนดังกล่าว แต่ไม่สามารถที่จะจ่ายในจำนวนเต็มที่ถูกรางวัลได้ เพราะเป็นแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม น.ส.ทิพวรรณ บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ตนขอนำมาเป็นบทเรียนในชีวิต จะไม่ซื้อและจะไม่ขาย ไม่หาเจ้ามือรายอื่นมาทดแทน เพราะถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ไม่เอาอีกแล้ว ไม่ว่าจะซื้อหรือขาย เพราะตั้งแต่เกิดไม่เคยเจอแบบนี้ พร้อมทั้งฝากถึงนายเดช ว่าอยากให้เข้าใจหัวอกของคนขาย อย่างน้อยนำเงินมาจ่ายครึ่งหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้คนขายต้องมารับผิดชอบเช่นนี้
ระหว่างที่คนขาย และลูกค้า มานั่งรวมตัวกันที่ร้านขายของชำในตัวอ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าได้มีปลายสายซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของนายเดช ทราบชื่อนางสะอิ้ง โทรศัพท์เข้ามาเพื่อพูดคุยกับคนขาย แต่ในช่วงเวลานั้นไม่ทราบว่าอยู่กับทีมข่าว จึงได้เปิดลำโพงให้ทุกคนได้ฟังพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง หลังจากที่นายเดช เจ้ามือ หนีหายไปจากบ้านในอ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
นางสะอิ้ง ภรรยาของนายเดช กล่าวว่า วันนี้ตนอยู่บ้านไม่ได้ เพราะมีนักข่าวมาเฝ้าอยู่ที่บ้าน เข้าบ้านไปก็กลัวว่าจะถูกดักสัมภาษณ์ จึงได้หนีออกไปอยู่บ้านญาติ ส่วนวันนี้ยังติดต่อกับนายเดชไม่ได้ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตนยืนยันว่าคนในครอบครัวทั้งหมด ยังไม่รู้ว่านายเดชไปอยู่ที่ไหน แต่เขาอ้างว่าไปหานายใหญ่ แต่ก็เงียบหายไป
แต่วันนี้ถ้าจะเรียกร้องเงินจากตน ในฐานะภรรยาไม่มีชดใช้เหมือนกัน เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ก็คือนายเดช ตนไม่รู้เห็นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นต้องรอติดต่อนายเดชให้ได้ จึงจะได้รับเงินคืน ส่วนตัวก็รู้สึกสงสารคนขายและลูกค้าเหมือนกัน เพราะไม่สามารถชดใช้แทนได้
ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอภาพของนายเดช ลักษณะทำนองว่าใส่ชุดขาวเป็นร่างทรง สามีของตนไม่ได้เป็นร่างทรง แต่เป็นเพียงคนที่ดูดวงและตั้งศาลพระภูมิเท่านั้น โดยไม่ได้มีลูกศิษย์ลูกหาอะไร ฉะนั้นสามีจึงไม่ใช่ร่างทรง วันนี้ตนยังติดต่อสามีไม่ได้ และตนก็รู้สึกเป็นห่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่มาพร้อมกับตำรวจท้องที่ กลัวว่าจะถูกจับ แต่ก็ได้เพียงแค่เป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าสามีไปอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร
ที่มา amarintv
No comments:
Post a Comment