วันที่ 12 มิ.ย.63 จากการที่ทีมข่าวได้เจอกับนายไชย์พล วิภา อายุ 43 ปี ลุงของน้องชมพู่ ก็พบว่าเจ้าตัวมีบางอย่างผิดแปลกไป นั่นคือเจ้าตัวโกนผมและโกนคิ้วออกทั้งหมด โดยนายไชย์พล เปิดเผยว่า ปกติตนจะใช้ปัตตาเลี่ยนตัดผมด้วยตัวเองอยู่แล้ว สำหรับการโกนผมและโกนคิ้วนั้น ตนก็เพิ่งโกนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะตนมีความเชื่อว่าถ้ามีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิต ตนก็จะโกนหัวแบบนี้ปีละครั้ง เพื่อให้สิ่งที่ไม่ดีออกไป และให้สิ่งที่ดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตตน
ทั้งนี้ยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อวานที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจบ้าน ก็ทำให้ตนเกิดความกังวลอย่างมาก และการที่เจ้าหน้าที่มาเก็บดีเอ็นเอของน้องชมพู่ ตนเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องเจอ เพราะตนไม่เคยล้างรถและไม่เคยทำความสะอาดภายในรถ รวมถึงน้องชมพู่ เคยอาเจียนใส่รถที่ขอบประตูที่เป็นพื้นกำมะหยี่ใต้เบาะที่นั่ง ฝั่งที่นั่งข้างคนขับ โดยอาเจียนใส่ปี 61 ซึ่งตนก็ไม่เคยทำความสะอาด แค่เช็ดเฉย ๆ และปล่อยให้แห้งไปเอง ตนก็ไม่ทราบว่าทำไมตำรวจต้องพุ่งเป้ามาที่ตน
นายไชย์พล กล่าวต่อว่า ตนมีความกังวลแค่เล็กน้อย แต่ น.ส.สมพร ภรรยาของตนนั้นมีความกังวลถึงขั้นกินไม่ได้และนอนไม่หลับ เพราะตนเป็นผู้นำครอบครัว ถ้าไม่มีตนก็ลำบาก และ ถ้าเจ้าหน้าที่มาระดับนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะไปสู้ ซึ่งตนน้อยใจ แต่ก็ไม่มาก ไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจ ส่วนในวันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงที่ตนไปส่งพระ ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้พาน้องชมพู่ไปด้วย เพราะมีครูบาลักษณ์เป็นคนยืนยัน และท่านคงไม่โกหก เพราะพระถือศีลถึง 227 ข้อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจอปัญหาครั้งนี้ ใจจริงแล้วตนก็อยากจะบวช แต่ก็คงไม่มีพระเจ้าคณะตำบลที่ไหนให้บวช เพราะจะมองว่าตนหนีคดี และการโกนหัวตนก็ไม่กลัวว่าชาวบ้านจะมองว่าพิรุธ เพราะตนทำไปเพื่อความสบายใจเท่านั้น ในส่วนของเศษเส้นผม ถ้ามีเจ้าหน้าที่ต้องการนำไปตรวจ ตนก็ยินดีมอบให้ทั้งหมด
ทีมข่าว ลงพื้นที่บ้านของนายไชย์พล วิภา อายุ 43 ปี ลุงของน้องชมพู่ ภายในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยผู้สื่อข่าว คุณเป้-ธนัท วันวิน ได้จำลองตำแหน่งจุดต่าง ๆ เกี่ยวกับการนั่งภายในรถ นายไชย์พล นั่งบริเวณที่นั่งคนขับ, น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น นั่งบริเวณเบาะข้างที่นั่งคนขับ และทีมข่าวได้จำลองเด็กหญิงที่อายุใกล้เคียงกับน้องชมพู่ นั่งบริเวณตักของ น.ส.สมพร
โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายไชย์พล เปิดเผยว่า น้องชมพู่เคยขึ้นมาบนรถครั้งสุดท้ายในช่วงเดือน มี.ค.63 เพราะช่วงโควิด-19 ระบาด ก็ไม่ได้รับหลานไปเที่ยวเลย ซึ่งเมื่อน้องชมพู่ขึ้นมาบนรถ ก็จะให้นั่งตัก น.ส.สมพร แต่หากพ่อแม่ของน้องชมพู่มาด้วย ก็จะไปนั่งที่เบาะหลังกับพ่อแม่ เพราะน้องชมพู่เป็นคนติดแม่ ซึ่งเมื่อวานที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบรถ ตนก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่น่าจะเจอดีเอ็นเอ หรือเส้นผมของน้องชมพู่อย่างแน่นอน เพราะตนไม่เคยทำความสะอาดภายในรถเลย ปัดแค่ฝุ่น
แต่บริเวณคอนโซลที่น้องชมพู่เคยจับนั้น ตนก็ไม่เช็ดเลย รวมถึงน้องชมพู่เคยอาเจียนใส่รถ ในช่วงปี 61 อาเจียนลงบริเวณพรมกำมะหยี่ที่ริมประตูฝั่งที่ น.ส.สมพร นั่ง และในครั้งนั้นตนก็ไม่ได้ล้างพรม จึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะต้องเจอดีเอ็นเอในรถของตนแน่นอน
น.ส.สมพร กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่น้องชมพู่ขึ้นรถมานั่งที่ตักตน มือทั้ง 2 ข้างของน้องชมพู่ก็จะวางอยู่คอนโซลหน้า และน้องชมพู่มักจะพูดคุยเล่นสนุกสนาน จึงเชื่อได้ว่าอาจจะมีน้ำลายที่เป็นสารคัดหลั่งติดอยู่ตามคอนโซลหน้ารถ และอาจจะมีดีเอ็นเอที่เบาะหลัง เพราะน้องชมพู่ก็เคยนอนหลับตรงนั้น
นายไชย์พล กล่าวต่อว่า ตนไม่แน่ใจว่าตำรวจเพ่งเล็งครอบครัวตนเรื่องอะไร และการที่มาเพ่งเล็งเรื่องดีเอ็นเอของน้องชมพู่ภายในรถ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีดีเอ็นเอของน้องชมพู่อยู่ในรถอยู่แล้ว และตนยังยืนยันคำเดิมว่า ในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ที่น้องชมพู่หายตัวไปนั้น ตนก็ขับรถคันนี้ไปส่งพระ และวันถัดมาตนก็มีพยานหลักฐานที่ช่วยยืนยันไทม์ไลน์ให้ตนได้ทั้งหมด แต่ยอมรับว่าการที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาโดยไม่มีหมายค้น ตนก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
คลิป
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว
No comments:
Post a Comment