จากกรณี พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. หอบหลักฐานคดีน้องชมพู่ แจง กมธ. การกฎหมาย ทุกข้อสงสัย ยันทำตามกรอบกฎหมาย ไม่ทำตามกระแสโซเชียล โดยพร้อมที่จะพักการสอบสวนคดี หากหลักฐานไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ ยืนยันว่าไม่มีการจับแพะ และเปิดเผยผลการชันสูตร ดีเอ็นเอ ไปแล้วนั้น
ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ กรรมการแพทยสภา ซึ่งอยู่ใน กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยในที่ประชุมว่า เรื่องนี้ต้องมีกรรมการขึ้นมาเปรียบเทียบการผ่าศพ 2 ครั้ง เหมือนกับคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ เพื่อผ่าครั้งที่ 3 ว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งให้แพทยสภารับผิดชอบเรื่องนี้ได้ เพราะคดีนี้พฤติการณ์ตายยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่กลับมีการข้ามขั้นไปตรวจดีเอ็นเอหาสาเหตุการตายแล้วซึ่งเป็นเป็นเรื่องยาก เพราะศพเน่าไปแล้ว ดังนั้น ต้องหาสาเหตุการตายให้ได้ก่อนว่ามีข้อสันนิษฐานอย่างไร
นพ.ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และอาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สื่อ เพราะสื่อเข้าไปถามข้อมูลจากพยานถึงเรื่องในครอบครัว ดังนั้น คดีนี้มีความกดดันอย่างแน่นอน
ส่วนการผ่าศพ 2 ครั้ง ยืนยันว่า ในทางนิติเวชไม่มีทางจะได้ข้อมูลมากกว่าครั้งแรก แต่ครั้งที่ 2 อาจถูกชี้นำได้ ในทางการแพทย์ ไม่มีใครอยากผ่าซ้ำ และการผ่าครั้งที่ 2 ผ่าได้ยากมาก แต่ในทางสังคมมักเชื่อไปเองว่าครั้งที่ 2 จะได้ผลมากกว่าครั้งแรก
ส่วนตัวคิดว่าคดีนี้กำลังมาผิดทาง เพราะเมื่อได้ผลจากครั้งแรกไม่พอใจต้องส่งไปผ่าครั้งที่ 2 เสมอ ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และเมื่อผลออกมาต่างกัน คำตอบก็จะไปออกในผลที่น่าพอใจมากที่สุด ทั้งที่ไม่รู้ว่าผลครั้งไหนถูกต้อง และคดีนี้จากการชันสูตรสาเหตุการตายว่ามาจากการขาดอาหารก็มีความเป็นไปได้ แต่ถ้าจะถามว่าใครพาขึ้นไป ทางการแพทย์ไม่สามารถตอบได้ และขอให้ตำรวจแยกสิ่งตรวจพบ และความเห็น โดยเฉพาะสื่อที่พอหาคำตอบไม่ได้ ก็ไปหาความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เกี่ยวข้องในคดีจนเกิดความสับสน
ขอบคุณ ข่าวสด
No comments:
Post a Comment