กลายเป็นอีกเรื่องราวที่สุดสะเทือนใจ แก่ผู้ที่พบเห็นและชาวโซเชียลเป็นจำนวนมาก เมื่อได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ค Kritsana Khansri ได้โพสต์เรื่องราว โดยตัวเธอนั้นตั้งครรภ์จนใกล้คลอด เธอจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอปวดใกล้คลอดแล้วแต่ถูกพยาบาลห้ามไว้ว่าอย่าพึ่งเบ่ง ปรากฏว่าเธอเบ่งคลอดลูกออกมา ลูกของเธอกลับเสียชีวิต และระหว่างที่เธอไปเดินเรื่องเรื่องศพของลูก กลับมาที่ รพ.ดังกล่าว ได้นำเอาศพของลูกเธอไปเผาแล้ว เธอจึงโพสต์ร้องขอความเป็นธรรม โดยได้โพสต์เรื่องราวพร้อมระบุข้อความว่า
วันที่ 1สิงหาคม วันนี้เวลา 11:44 พ่อกับแม่ได้มาแจ้งความบันทึกประจำวัน เพื่อจะพาไตเติ้ลไปตรวพิสูญศพที่โรงบาลตำรวจ ตรวสาเหตุอีกครั่ง ก็ได้ทำการ ทำเรื่องไปเบิกตัวน้อง เพื่อจะย้ายไปยันโรงบาลตำรวจ พ่อกับแม่ก็ไปรอที่บ้านรอฟังข่าว แต่พอ 4โมงเย็นได้มีเจ้าหน้าที่ มูลนิธิ โทรมาแจ้งว่า ทางโรงบาลไม่ยอมให้เบิกตัว พ่อกับแม่ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล ที่ชัยนาทนเรนทร เพื่อจะไปสอบถามว่าทำไมถึงเบิกตัวน้องไตเติ้ลไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็แจ้งแล้วว่าพ่อกับแม่ พร้อมจะมารับตัวน้องวันไหนแจ้งได้เรย
พ่อกับแม่ก็จะไปถามว่าเพราะไร ระหว่างนั้นก็รอคำตอบ รอเจอเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล 1ชั่วโมงกว่า พอไปพบ ก็ได้ทราบ น้องไตเติ้ล ถูกสลับเอาไปเผาแล้วไปทำพิธี เผาศพแล้ว ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลศพ รู้ว่าคนไหนลูกของใคร คนไหนพ่อแม่ของเด็กทั้งๆๆที่พ่อกับแม่ ไปเยี่ยมน้องตลอด แค่วันนี้พ่อกับแม่ กำลังเดินเรื่องเลยยังไม่เข้าไปดู พอมาทราบว่า น้อง ถูกสลับตัวเผาแล้ว
ซึ่ง แม่กับพ่อ ก็อึ้ง ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแบบนี้ เป็นไปได้ยังไง ลูกเกิดมาเสียแม่ยังไม่ได้สัมผัสร่างไร้วิญญาณไตเติ้ลเลยเหรอ เสียใจมากๆ ลูกตายยังไม่พอ กับมารู้อีกว่า เอาไตเติ้ลไปเผาแล้ว มันเกิดได้ยังไง ทางโรงบาลเจ้าหน้าที่ดูศพเขารู้ดีนะคะ ว่าลูกใคร เสียใจมากเลยหัวอกของพ่อกับแม่จะขาดแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้ ใจของแม่กับพ่อจะขาดแล้ว ครั้งนี้ไม่เห็นหน้าไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ลูกไปอยู่ที่ไหน หลงอยู่ที่ไหน ตอนนี้ลูกไปอยู่หนไหน แม่สงสารไตเติ้ล ครั้งนี้มันเลวร้ายที่สุด ที่น้องไม่อยู่กับเราแล้ว
ซึ่งมันไม่น่าเกิดขึ้นเลย ตายทั้งเป็นเรยแบบนี้ พ่อกับแม่ไม่ยอมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แม่ไม่ยอมแล้ว มันไม่น่าเกิดขึ้น โรงบาลผิดเต็มๆเรยในความดูแลรับผิดชอบ แม่ยอมไม่ได้ ไม่คิดเลยแบบนี้ แม่ทรมานที่สุดเลยรู้ไหมไตเติ้ลเจ็บหลายอย่างเหลือเกินร่างยังถูกลักไปเผาอีก
ที่มา Kritsana Khansri
No comments:
Post a Comment