วันที่ 19 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ ถามสุดซอย ได้สัมภาษณ์เปิดใจสัมภาษณ์ ลุงพล และป้าแต๋น เซเลบบ้านกกกอก ซึ่งมีเรื่องฟ้องร้องกับ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมชื่อดัง
อัจฉริยะไลฟ์มีการพูดถึงเรื่องหนี้ คือหนี้อะไร
ลุงพล มันจะมีค่างวดรถซึ่งเป็นของบริษัทไฟแนนซ์ เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. อันนั้นเป็นการใช้หนี้ประจำเดือน ของ ธ.ก.ส. เป็นการพักชำระหนี้ของเกษตรกร
เขาทราบเรื่องหนี้เราได้ยังไง
ลุงพล ไม่ทราบเหมือนกันครับ สิ่งที่ท่านได้พูดออกไป จะมีประโยคแรก ๆ ที่ท่านไลฟ์แล้วบอกว่าวันแรก ๆ ที่น้องชมพู่หาย บริษัทไฟแนนซ์และ ธ.ก.ส. มาทวงหนี้ลุงที่บ้าน มันไม่มีมูลความจริง
ลุงมองว่าเป็นการประจานไหม
ลุงพล ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่น่าเอามาเปิดเผย และไม่มีความจริง พอคุยกับป้าแต๋นเราจะทำยังไงเรียกความรู้สึกตรงนี้กลับมา เพราะที่ผ่านมา 3 ถึง 4 เดือนเราก็รู้สึกแย่อยู่แล้ว กับเรื่องที่เราเจอกันในบ้านกกกอก
ตอนนี้ลุงพลอยากให้อัจฉริยะออกมาขอโทษ โดยไลฟ์ผ่านเพจเขาหรือเปล่า
ลุงพล ทางครอบครัวอยากให้ท่านออกมารับผิดชอบคำพูดที่ท่านไลฟ์ผ่านช่องทางที่ท่านได้ไลฟ์ไป ซึ่งผมกับป้าแต๋นอยากให้ท่านออกมาขอโทษครอบครัว ผ่านสื่อมวลชนที่หน้าศาลอาญา หรือไม่ท่านก็ไปไลฟ์ช่องทางที่ท่านเคยไลฟ์ เพื่อคนที่ติดตามท่านจะได้รู้ว่าท่านออกมายอมรับผิดแล้วนะ ลุงพลกับป้าแต๋นก็ยกโทษให้ ประมาณนี้
บางคนบอกว่าลุงพลกับป้าแต๋นจะให้เขามาขอขมา
ลุงพล ไม่ใช่ครับ คำว่าขอขมาจะหนักไป ถ้าเป็นคนอีสานบ้านเรา คำว่าขอขมาถึงขั้นนั่งคุกเข่า อันนั้นไม่ใชวัตถุประสงค์ที่ต้องการ แค่ต้องการออกมาขอโทษ เราก็เคารพนับถือท่านอยู่แล้ว เราเคยเห็นผลงานท่านอยู่แล้ว ก็มีทั้งส่วนดีและไม่ดี ผมแยกแยะออกว่าตรงไหนดีไม่ดี เราติดตามท่านอยู่ท่านต้องทำงานเพื่อประชาชนไปเรื่อย ๆ
ชื่นชอบด้วย
ลุงพล ผมติดตามท่านอัจฉริยะมานานแล้ว รู้จักชื่อเสียงท่านมาพอสมควร แต่พอเจอกรณีของเรา ท่านไม่น่าเอามาพูดผ่านสื่อ ถ้าเป็นเรื่องมีมูลความจริงเราจะเฉย ๆ ควรเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ ที่ควรออกมาพูดมากกว่าที่ท่านจะออกมาพูด ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แล้วแหละ เราต้องปรึกษาผู้ใหญ่เพื่อให้ความรู้สึกที่ผมเคยนับถือท่านกลับมาดีเหมือนเดิม ผมก็ไม่อยากมองด้านลบ
น้อยใจมากกว่า
ลุงพล น้อยใจครับ สิ่งที่ท่านพูด ท่านไม่ได้แคร์ว่าตัวลุงจะคิดยังไง ในเมื่อสิ่งที่ท่านพูดออกไปไม่ใช่ความจริง
ป้าแต๋นรู้สึกยังไง
ป้าแต๋น ฟังแล้วไม่ชอบ เขาบอกว่าลุงยังคิดว่าเป็นลุงอยู่เหรอ เรารู้สึกว่าไม่ค่อยดีกับคำพูดแบบนี้
ลุงพล เหมือนพยายามเน้นว่าชมพู่ หลานผมเสียชีวิต คงตายฟรีแล้วแหละ พูดออกมาหลายรอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่ เป็นการทำงานที่รอบคอบ ตรงไปตรงมา เขาทำงานรัดกุม ไม่ได้ออกมาเผยต่อหน้าสื่อ เจ้าหน้าที่ไม่ได้บ่งบอก
ใครตัดสินใจว่าจะฟ้อง
ลุงพล หลังจากที่ผมเองได้เปิดไลฟ์คุณอัจฉริยะดู ได้คุยกับป้าว่าเยอะไป พยายามทำให้เรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าคนติดตามท่านอัจฉริยะจะมองลุงกับป้าแย่ลงไปอีก ผมเลยไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านนึง ท่านก็บอกว่าลองไปปรึกษาทนายดูว่าจะให้ทำอะไรยังไง หลังไปปรึกษาเสร็จ อีกสองสามวันเราก็อยากให้ท่านอัจฉริยะติดต่อมา แต่มันไม่มีการติดต่อมาขอโทษ
จริง ๆ ถ้าขอโทษก็จบ ไม่ฟ้องร้อง
ลุงพล ใช่ครับ
ทำไมเลือกทนายตั้ม ทราบมั้ยว่าทนายตั้มไม่ถูกกับอัจฉริยะ
ลุงพล ผู้ใหญ่ที่ปรึกษาท่านพาไปพบทนายตั้ม ก็ทราบว่าไม่ถูกกัน ผมติดตามผลงานท่านมานานแล้ว เมื่อก่อนท่านเป็นพี่น้องที่รักกัน เคยกอดคอกินข้าวกัน
ทนายตั้มแนะนำยังไงบ้าง
ลุงพล ทนายตั้มก็แนะนำว่ามีข้อนี้ที่พอจะฟ้องได้คือ อัจฉริยะออกมาไลฟ์ผ่านสื่อโฆษณา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงเราเสื่อมเสียได้ ประเด็นนี้ที่อยากให้ท่านขอโทษเท่านั้นเอง
เห็นว่ามีคนติดต่อลุงจะให้เงินจบเรื่องนี้
ลุงพล อันนี้ไม่ได้ติดต่อผ่านผม อาจติดต่อผ่านผู้ใหญ่ท่านนึง ผมก็ไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกัน เรื่องยอดเงินก็ไม่ขอเอ่ยครับ ติดต่อมาจริง จะให้เงินจบเรื่องไม่ต้องฟ้องร้อง ผมก็บอกว่าผมไม่ต้องการเงินส่วนนั้น ผมแค่ต้องการให้ท่านออกมารับผิดชอบคำพูด ขอโทษแค่นั้นเองคือสิ่งที่ผมต้องการ
พอเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมา มีหลายคนคอมเมนต์ว่าลุงพลเปลี่ยนไป แตะต้องไม่ได้
ลุงพล อย่างแฮชแท็กแบนลุงพล แบนเรื่องอะไร ผมมีชื่ออะไรถึงจะไปแบนผม ผมไม่มีสินค้าที่จะต้องมาแบน ผมก็ยังเป็นลุงพล ป้าแต๋นเหมือนเดิม การที่บอกว่าดังแล้วแตะไม่ได้ ดังตรงไหน ลุงยังไม่รู้เลยว่าลุงดัง ป้าก็ยังไม่รู้เลยว่าป้าดัง แต่มีคนไปให้กำลังใจที่บ้านเยอะจริง สิ่งที่ออกไปว่าลุงกับป้ามีเงินหลายสิบล้าน จริง ๆ มันไม่มี
ป้าแต๋น ความเป็นจริงไม่มีอะไร
ลุงพล ที่บอกว่ามีคนมามอบบิ๊กไบค์ คันละล้านห้า ไม่มีครับ บอกมีเศรษฐีใจดี ซื้อที่ให้ลุงพล ป้าแต๋น นั่นก็ไม่มี เขาดูแล้วก็โทร. มาถามที่บ้านเหมือนกัน แต่มันไม่มี
ถ้ามีคนจะให้ เอาไหม
ลุงพล ท่านจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ ซื้อที่ให้ลุงพล
จุดเริ่มต้นเข้าวงการบันเทิง เริ่มได้ยังไง ?
ลุงพล : มีอยู่วันนึงผู้สื่อข่าวถามประเด็นที่บ้าน เขาเห็นว่าเรื่องข่าวมันเงียบ เขาอยากให้พวกเราคลายเครียดบ้าง เขาเลยถามว่าลุงร้องเพลงบ่อยไหม ป้าก็บอกว่าลุงชอบร้องเพลง เลยร้องเพลงหน้าบ้าน เขาบอกเสียงดีนะ น่าจะไปร้องเพลง ก็เป็นที่มาร้องเพลงกับคุณจินตหรา พูนลาภ
แล้วมาร้องเพลงกับจินตหราได้ยังไง ?
ลุงพล : ผู้จัดการคุณจินตหราไปเยี่ยมให้กำลังใจที่บ้าน และให้กำลังใจแม่ชมพู่ด้วย ท่านก็บอกว่ามีงานไหว้สาพญาเต่างอย ร้องเพลงเต่างอยเพลงเดียวก็เลยตัดสินใจไปร้อง
กับหญิงลีล่ะ ?
ลุงพล : ผมมาสักการะพระศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าใหญ่วัดศีรษะแรด เลยได้ไปพักที่รีสอร์ตหญิงลี หญิงลีบอกว่ามีงานร้องเพลงไปกับเขา สนใจไหม
งานแรกที่เป็นงานจ้างคืองานอะไร ?
ลุงพล : เป็นเพลงเต่างอยครับ ไปช่วยงานประจำปี ก็ไม่ได้หวังเรื่องค่าตอบแทนอะไร วันนั้นผู้จัดการจินตหราก็มามอบเงินให้ที่บ้าน 1 แสนบาท ตอนนั้น 6 ล้านวิว ท่านเอาเงินไปให้
เงินก้อนแรกในชีวิต รู้สึกยังไง เพราะปกติกรีดยาง ?
ลุงพล : กรีดยางก็ขึ้นอยู่กับราคายาง เดือนนึงตก 3 หมื่น สำหรับลุงได้ 1 แสนดีใจมาก ไม่เคยได้รับก้อนใหญ่ขนาดนี้
ได้คุยกับจินตหรายังไง ?
ลุงพล : พี่จินก็ให้กำลังใจ สู้ ๆ คุยเรื่องร้องเพลงมากกว่า การถ่ายเอ็มวีก็ผ่านผู้จัดการจินตหราทั้งหมด"
ลุงพล
ป้าแต๋นไม่ร้องด้วยเหรอ ?
ป้าแต๋น : ร้องไม่ค่อยเก่ง จำเนื้อไม่ค่อยได้ ไปด้วยเป็นกองเชียร์ (หัวเราะ)
เห็นว่าจะมีเพลงลุงพลเองด้วย ?
ลุงพล : มีแล้วครับ เป็นเพลงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในครอบครัว คุณเพชร สหรัตน์แต่งให้ ชื่อเพลงความจริงในใจ ลุงพล-ป้าแต๋น ก็เอาลงช่องยูทูบของตัวเอง เนื้อหาเพลงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดกับชีวิตลุง
นอกจากเดินแบบ ร้องเพลง มีอะไรอีก ?
ลุงพล : เดินแบบคุณอุ๊บ วิริยะ ซึ่งท่านเป็นที่ปรึกษา ท่านให้โอกาส
ป้าแต๋น : ไม่คิดว่าห้างแตก คนเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ)
รับมือกับกระแสยังไง คนกรี๊ดเราเยอะจากคนธรรมดา ?
ป้าแต๋น : เราเป็นชาวบ้านชาวป่าชาวเขาไม่คิดว่าจะพลิกขนาดนี้ ก็เหมือนเขาให้กำลังใจเรา เราก็รับตรงนั้นมา ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเรา
ลุงพล : ทุกคนเขาดูข่าวแล้วคงสงสาร ลุงกับป้าเจอเรื่องร้าย ๆ มาเยอะ ก็อยากให้กำลังใจ แล้วก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ลุงกับป้าก็ดีใจที่ทำความดี คนเห็นและชื่นชม
เห็นว่าการไลฟ์การทานข้าว คนชม 1 ล้านวิว ?
ป้าแต๋น : ตอนแรกเรายังไม่รู้เลย เราทำไม่เป็น ก็บอกให้น้อง ๆ เขาถ่ายและลงให้ พอตื่นเช้ามาแค่กินไข่ดาวยอดวิวเยอะมาก เรียกว่ามหัศจรรย์ก็ได้ ชีวิตลุงกับป้า ช่วงนึงที่เจอแต่ความมืดมน อยู่กันสี่คนกับลูก พอมาเจอแสงตรงนี้ เขาให้โอกาส ก็เป็นอะไรที่ดี
ถ้าพูดถึงรายได้จากการอยู่ในวงการช่วงระยะเวลาสั้น ๆ พอจะบอกรายได้ได้ไหมว่าเท่าไหร่ ?
ลุงพล : มันระบุไม่ได้ ก็จะมีงานที่ผมออกไปร้องเพลงกับจินตหรา แล้วก็หญิงลี และมีงานเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มสุขภาพเจ้านึง มีแค่ร้องเพลงนี่แหละครับ
คนโจมตีเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มาเป็นเซเลบได้ยังไง รู้สึกยังไง ?
ลุงพล : สำหรับคนคิดลบกับเรา ผมก็ไม่รู้จะไปพูดอะไรให้เขา มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล เราก็ไม่ได้สนใจ ส่วนคนให้กำลังใจก็ยินดีด้วย ที่ทุกคนรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เรามีกำลังใจจะต่อสู้
ป้าแต๋น : จะให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ เอาเฉพาะคนที่เขาให้กำลังใจ ทำให้เรามีพลังต่อ อะไรที่เป็นด้านลบ ไม่ดูดีกว่า
แฮชแท็กแบนลุงพล เสียใจไหม ?
ลุงพล : ไม่ครับ สำหรับผมเองไม่รู้สึกอะไร เราไม่ใช่คนเด่นดัง มีชื่อเสียงขนาดนั้น
เหตุผลที่คนต้องมาแบน มารู้สึกไม่ดีกับเรา เพราะอะไ ร?
ลุงพล : ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าเกิดจากอะไร กรณีที่บอกว่ามีการเซ็นสัญญา 1 ล้านบาทไม่มีครับ มีการเซ็นสัญญา 6 เดือน ค่าตอบแทนอยู่ที่แค่ 3 แสนเท่านั้นเอง มีแค่นั้น
ป้าแต๋น : 1 ล้านคือถ้าขายได้โน่นแหละถึงจะได้
ถามถึงเส้นทางความรักลุงพลกับป้าแต๋น เจอกันได้ยังไง ?
ลุงพล : คือทำงานที่บริษัทเดียวกันครับ ทำงานด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน ก็เกิดความรู้สึกว่าเขานิสัยดี ป้าแต๋นเป็นคนไม่ค่อยชอบแต่งหน้า ผมก็ชอบผู้หญิงไม่แต่งหน้า ถ้าแต่งก็คงไม่เอา มันไม่เป็นธรรมชาติ
ไปจีบยังไง ?
ลุงพล : เขาเป็นคนคุยกับผู้ชายไม่เยอะ ผมก็ลองคบเขาดู ก็ใช้เวลาไม่นาน ก็ตัดสินใจอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็ไปขอเขาที่บ้าน ผมไปเอง ไม่ได้พาพ่อผมไป
ทำไมไม่พาพ่อไป ?
ป้าแต๋น : เขาคิดเรื่องความเป็นลูกผู้ชาย เขาก็เลยไปขอเองเลย(หัวเราะ)
ลุงพล : ก็รู้จักกันไม่ถึงปี ก็ไปขอ
ป้าแต๋นชอบอะไรในตัวลุงพล ?
ป้าแต๋น : ก็ตรง ๆ ดี คุยถูกคอ สบายใจ สนุกสนาน
ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ป้าแต๋นว่ายังไงบ้าง ?
ป้าแต๋น : ไม่ได้ว่า เพราะเราโตแล้ว ให้เราเลือกเองมากกว่า จะมีความสุขหรือทุกข์อยู่ที่เรา แกก็ไม่ว่าอะไร
ช่วงคบกันมีหนุ่มคนอื่นมาจีบป้าแต๋นไหม ?
ป้าแต๋น : ไม่มีค่ะ แล้วลุงพล มีสาว ๆ มาชอบไหม ?
ลุงพล : ก็อาจจะมีบ้างครับ ไม่ได้ไปมองจุดนั้น เราโฟกัสมาที่เขาอยู่แล้ว
มีการหึงหวงอะไรบ้างไหม ?
ลุงพล : ตอนอยู่ด้วยกันก็มีบ้าง แต่พอมีลูกก็เน้นไปที่ลูก แต่งงานกันปี 2547 และอยู่กันมาเรื่อย ๆ มีลูก 2 คน พี่โอมอายุ 14 อยู่ ม.2 และพี่น้ำมนต์ อยู่ ป.4 ย่าง 10 ขวบ
เคยมีเรื่องราวที่ลุงพลแอบไปมีกิ๊ก ?
ป้าแต๋น : มันคงเป็นธรรมชาติผู้ชาย มันมีบ้าง แต่เราเป็นภรรยา หนักเบาให้โอกาสแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เลือกลูกมากกว่าคนอื่น ก็กลับมาหาเรา ความผูกพันที่ผู้ชายคนนึงเขารักลูก เราก็รู้สึกดี พ่อเขารักลูก ก็ให้โอกาส
ป้าแต๋นจับได้ยังไง ?
ป้าแต๋น : ผู้หญิงโทร. มาเอง เราเป็นคนรับ เรียกพี่เรียกอ้าย เราก็ว่าแปลก ๆ ก็ถามตรง ๆ เขาก็บอกว่ามีผู้หญิง
ลุงพล : ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องปิด เป็นเรื่องจริง ยอมรับว่ามีจริง มีการคบ พูดคุยจริง แต่สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนป้าแต๋น ถ้าคบต่อคงไปกับเราไม่ได้ เลยกลับมาคิดห่วงลูกมากกว่า เรามีลูกกับป้าแต๋น 2 คนแล้ว เลยกลับมาดูครอบครัวเหมือนเดิม
ออกนอกลู่นอกทางนานไหม ?
ลุงพล : ไม่นานครับ ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มีเรื่องไม่สบายใจในครอบครัวก็เลยได้รู้จักผู้หญิงอีกคน ประมาณ 3-4 เดือน
ผู้หญิงยอมเลิก ?
ลุงพล : เขายอมครับเพราะเราไปด้วยกันไม่ได้ ผมก็มีครอบครัวอยู่แล้ว อีกอย่างป้าแต๋นคงเส้นคงวา ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง ก็กลับมาหาครอบครัว
ผู้หญิงทราบไหมว่ามีครอบครัว ?
ลุงพล : น่าจะทราบ เพราะผมก็ไม่ได้ปิดบังว่าผมมีครอบครัวแล้ว
เวลาผู้ชายไปจีบผู้หญิงทั้งที่มีลูกมีครอบครัว บอกเขายังไงเขาถึงยอมคบ ?
ลุงพล : ก็บอกเปิดเผยว่ามีลูกมีครอบครัวแล้ว แค่ถูกชะตาอยากคุยด้วย อยากรู้จัก อยากพูดคุย
ป้าแต๋น : ยื่นเบอร์ให้เลย (หัวเราะ)
ตอนป้าแต๋นรู้เสียใจไหม ?
ป้าแต๋น : วันที่รู้ก็ถามว่าทำแบบนี้ทำไม ถามแค่นั้นแหละ แล้วก็เงียบ แต่วันนั้นก็ไม่พูดเลย ถ้าเขาจะไปต่อก็ให้ไปต่อ ปล่อยไปเลย จนวันนึงเขาบอกว่าจะอยู่ตรงนี้แล้วนะ ก็ให้เขาไปดูว่าคนนั้นดีไม่ดี ป้าก็อยู่เงียบ ๆ ของป้า จนวันนึงผู้หญิงคนนั้นก็มีเรื่องไม่ดีออกมา
ลุงพล : เอาง่าย ๆ เขาไม่ได้ดูผมแค่คนเดียว เขาคบผู้ชายหลายคน ก็เลยมันไม่ใช่แล้ว ไม่เหมือนป้าแต๋น เลยกลับมา คิดว่าคงมั่นคงกับเขาแล้วแหละ ทุกวันนี้ไม่คิดอะไร อยู่กับลูกมากกว่า
ป้าแต๋น : ผมหงอกเยอะ ก็ต้องให้เด็กถอน (หัวเราะ)
ลุงพล : ไม่ ๆ
ตอนนี้ลุงพลเข้ามาอยู่ในวงการ ต้องมีผู้หญิงชื่นชอบเยอะ กลัวไหม ?
ป้าแต๋น : ถ้ายังคิดไม่ได้ ก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรม เราโต ๆ กันหมดแล้ว ถ้าคิดไม่ได้ก็ปล่อย เราก็ห้ามไม่ได้ถ้าเขาจะไป
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ป้าแต๋นทำไง ?
ป้าแต๋น : คงทำใจแล้ว แก่แล้ว
ลุงพล : อยู่ที่่ตัวผม คงไม่มีแล้ว มั่นใจครับ (หัวเราะ)
ป้าแต๋น : ออกทีวี มีหลักฐานเลยนะ (หัวเราะ)
ลุงพล : จ้า (หัวเราะ)
ปกติเถียงกันบ่อยไหม ?
ป้าแต๋น : บ่อยจ๊ะ แต่แป๊บเดียว
ลุงพล : เราทำงานก็ปรึกษากัน ผมชอบเอาเหตุผลมาคุยกัน
ป้าแต๋น : เรื่องทะเลาะกันบ่อยก็เรื่องลูกมากกว่า คนนึงดุลูก อีกคนก็ห้าม เขาจะห้าม แต่ไม่นาน ไม่ถึง 10 นาที ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม
ทะเลาะกันแล้วใครง้อใคร ?
ป้าแต๋น : ไม่ได้ง้อ เจอหน้ากันก็กลับมาคุยกันปกติ
เป็นคนที่ไม่ได้โกรธอะไรนาน ?
ป้าแต๋น : ก็คุยกันปกติ
พอเจอหลาย ๆ ปัญหา ทำให้รักกันมากขึ้นไหม ?
ลุงพล : เราพยายามให้กำลังใจ อยู่เคียงข้างกันแบบนี้ พยายามจับมือไปด้วยกัน เจออุปสรรคข้างหน้าก็พยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
แสดงความรักให้ดูหน่อยได้ไหม ?
ลุงพล : ได้ครับ ถ้าเอกลักษณ์ลุงกับป้า แค่กอดกันก็อบอุ่น (กอดป้าแต๋น) ส่วนใหญ่ไม่ได้หวาน
นั่งจับมือกันก็หวานแล้วนะ ?
ป้าแต๋น : ทะเลาะกันก็ไม่นาน ไม่ต้องบอกว่ารักหรืออะไร เราดูออกก็พอ ครอบครัวมีความสุขก็ดีแล้ว
No comments:
Post a Comment