จากกรณี ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ จนกระทั่งน้องอยู่กลางป่าในภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านราว 5 กม.
น้องชมพู่
ต่อมานายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ ตกเป็นข่าวโด่งดัง ทำให้เกิดเป็นกระแสพลิกผัน และได้รับโอกาสทางด้านงานบันเทิง และโชว์ตัวตามสถานที่ต่าง ๆ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
กระทั่ง นายนรินทร์ หลาบโพธิ์ หรือ น้าแต ได้ไลฟ์สดผ่านช่องยูทูบส่วนตัว ชี้แจงว่าทำไมตาชาญ และยายสมควร ไม่ไปร่วมงานทำบุญบ้านลุงพลและป้าแต๋น เนื่องจากว่าไม่ได้รับคำเชิญ ตามที่เป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ล่าสุด นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น กล่าวถึง กรณีที่นายนรินทร์ โพสต์ข้อความว่า จะปล่อยคลิปวิดีโอแฉตนเรื่องไม่ให้เงินพ่อแม่ หากอีกฝ่ายอยากปล่อยคลิปก็ให้ปล่อยไป เพราะตนไม่กลัวว่าจะมีผลกระทบกับตนอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนให้เงินจริง แต่ไม่ใช่จำนวนที่เคยลงในข่าว ส่วนใหญ่ตนก็จะให้เรื่อยๆ ครั้งละประมาณ 1,000 บาท ตามประสาลูกให้เงินพ่อแม่
โดยเท่าที่จำได้จะมีเงินค่าปุ๋ย 12,000 บาท และล่าสุดคือเมื่อวันที่ 24 พ.ย.63 ตนฝากให้ย่าอาชิ นำเงินไปให้ ประมาณ 2,000 บาท ก่อนไปจ.ชัยภูมิ ซึ่งหลัง ๆ มานี้ตนไม่ค่อยเอาไปให้เอง เพราะลำบากใจที่จะเข้าไป ตนจึงมักจะฝากย่าอาชิเข้าไปให้มากกว่า
ป้าแต๋น ยอมรับว่าไม่ได้ไปชวนพ่อ-แม่มาร่วมงานบุญ เพราะได้ปรึกษาลุงพลแล้ว เกรงว่าหากเชิญมาร่วมงาน ภายหลังตาชาญกลับไปบ้าน แล้วลูก ๆ คนอื่น ๆ จะมองตาชาญและยายสมควรไม่ดี แต่ก็ทราบข้อมูลมาว่า ตาชาญก็อยากมาร่วมงานวันดังกล่าวเหมือนกัน เพราะตาชาญยังรู้สึกดีกับตนเสมอ
ทั้งนี้ตนก็เป็นห่วงความรู้สึกพ่อแม่ และเชื่อว่าพ่อแม่ก็เป็นห่วงตนเหมือนกัน เพียงแต่พ่อแม่ต้องวางตัวเป็นกลาง จึงไม่ได้แสดงตัวชัดเจน และเลือกจะไม่มางานทำบุญบ้าน ดังนั้นตนมองว่า หากพ่อแม่อยู่ตรงนั้นแล้วไม่ทำให้ครอบครัวแตกแยก ลูก ๆ ไม่ขัดแย้งกันอีก การอยู่ตรงนั้นจะดีที่สุดแล้ว "สิ่งที่ป้าทำได้วันนี้ คือ อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ยังให้เงิน ส่งเงินโดยตรงให้พ่อ ผ่านย่าอาชิ และยังดูแลครอบครัวตลอด
หลังมีกระแสข่าวมาว่า ลุงพลป้าแต๋นนั้นให้เงิน ผู้เป็นพ่อแม่ เดือนละ 20,000 บาทนั้น โดยพ่อแม่ได้ออกมาโต้ประเด็นดังกล่าว ว่าไม่จริง ไม่เคยให้สักบาท คงจะให้แต่ชาติก่อนมั้ง
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ขอบคุณที่มาจาก ทุบโต๊ะข่าว
No comments:
Post a Comment