เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2563 น.ส.ศศิธร ศรีฉัตร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 5 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ได้นำหลักฐานเป็นสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารแห่งหนึ่งประเภทเพื่อการออม และสมุดธนาคารประเภทเพื่อใช้ 2 เล่ม พร้อมหลักฐาน Statement จากธนาคาร ของนางชัชวาลย์ ศรีฉัตร อายุ 72 ปี (มารดา) ถูกคนร้ายแอบถอนเงินไปกว่า 7 แสนบาท จึงเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เจริญ บุญสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
จากการสอบสวน น.ส.ศศิธร ให้การว่ามารดาของตนเอง ได้เปิดบัญชีที่ธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.ประจันตคาม เป็นประเภทเพื่อออม 1 เล่ม และสมุดธนาคารประเภทเพื่อใช้ 1 เล่ม ในสมุดธนาคารประเภทเพื่อออม มีเงินฝากสะสมรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 914,643.67 บาท และเมื่อนำสมุดไปปรับดูพบว่า
วันที่ 26 ก.พ.63 มีการโอนเงิน 500,000 บาท
วันที่ 27 ก.พ.63 มีการโอนเงิน 50,000 บาท
วันที่ 10 มี.ค.63 มีการโอนเงิน 150,000 บาท
วันที่ 10 เม.ย.63 มีการโอนเงิน 12,000 บาท
วันที่ 14 ส.ค. 63 มีการโอนเงิน 8,000 บาท
วันที่ 17 ส.ค. 63 มีการโอนเงิน 25,000 บาท
วันที่ 10 ต.ค. 63 มีการโอนเงิน 18,000 บาท
วันที่ 14 ต.ค. 63 มีการโอนเงิน 6,900 บาท
วันที่ 17 ต.ค. 63 มีการโอนเงิน 8,000 บาท
วันที่ 3 พ.ย.63 มีการโอนเงิน 6,000 บาท
วันที่ 16 พ.ย.63 มีการโอนเงิน 2,000 บาท
รวมมีการโอนเงินจำนวน 11 ครั้งเป็นเงิน 785,900 บาท ซึ่งทุกครั้งคนร้ายจะโอนเงินไปที่สมุดธนาคารอีกเล่มประเภทเพื่อใช้ และทำการถอนเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือทุกครั้ง ซึ่งตนเองมาทราบในช่วงที่นำสมุดบัญชีธนาคารของมารดาไปปรับ จึงได้เดินทางไปขอหลักฐาน Statement จากธนาคารทั้งหมดและทราบว่า มีคนร้ายแอบใช้โทรศัพท์ถอนเงินทุกครั้ง จนในขณะนี้ สมุดธนาคารประเภทเพื่อใช้ เหลือเงินเพียง 423.60 บาท ส่วนบัญชีธนาคารประเภทเพื่อออม เหลือเงิน 198.62 บาทเท่านั้น ในเรื่องนี้จึงได้นำหลักฐานทั้งหมดมาแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้พนักงานสอบสวนจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.เจริญ บุญสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความแล้วจะมีการออกหมายเรียกผู้จัดการธนาคารดังกล่าว มาทำการสอบสวน เพื่อหาตัวคนร้ายรายนี้ว่า เป็นใครบ้างที่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์และถอนเงินทั้งหมดออกไปได้
No comments:
Post a Comment