ผลกระทบจากสถานการณ์ในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในพื้นที่เท่านั้น เนื่องจากเมื่อมีการล็อกดาวน์ จำกัดการเข้าออกพื้นที่และขอความร่วมมือผู้ค้าอาหารทะเลหยุดกิจการชั่วคราวจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2564 เพราะตลาดส่วนใหญ่ใช้แรงงานชาวเมียนมาซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงแพร่ระบาดสำคัญ จึงต้องจำกัดไม่ให้คนจากจังหวัดอื่นเข้ามาในพื้นที่แล้วนำเชื้อกลับไป มาตรการดังกล่าวทำให้การขายอาหารทะเลหยุดชะงัก เพราะขาดตลาดขายสำคัญไป
นายชัยประชา ขวัญพราย อายุ 30 ปี เจ้าของบ่อกุ้งใน ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการประกาศปิดตลาดขายส่งอาหารทะเลใน จ.สมุทรสาคร พ่อค้าคนกลางที่เคยจองซื้อกุ้งไว้ทยอยแจ้งยกเลิกออเดอร์จำนวนมาก หรือประมาณ 40% ของยอดการจองช่วงวันที่ 27 ธันวาคม - วันที่ 2 มกราคม 2564 เนื่องจากที่ไม่มีจุดขาย ทำให้ต้องเลี้ยงกุ้งรุ่นนี้ต่อไปท่ามกลางความเสี่ยงว่ากุ้งจะตาย ทั้งจากอายุไข โรคระบาด และเสี่ยงที่จะเกิดอาการน็อกน้ำตายทั้งบ่อ รวมถึงภาระค่าต้นที่เพิ่มขึ้น 40,000 บาท/บ่อ เพิ่มจากเดิมที่มีต้นทุน 150,000 บาท/บ่อ ในวงรอบการเลี้ยง 4 เดือน จึงจะสามารถขายได้ ซึ่งส่วนตัวมีบ่อกุ้งทั้งหมด 20 บ่อ
นายชัยประชา อธิบายว่า พื้นที่ใน อ.บางแพ เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามและกุ้งขาว และจะมีพ่อค้าคนกลางสั่งจองล่วงหน้า และเป็นผู้มารับซื้อที่หน้าบ่อ เพื่อนำไปส่งขายที่ร้านอาหารในต่างจังหวัด ส่วนที่เหลือประมาณ 70% จะถูกส่งขายที่ จ.สมุทรสาคร ทำให้มาตรการปิดตลาดอาหารทะเลส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเลี้ยงกุ้งในพื้นที่บางแพถูกยกเลิกคำสั่งซื้อไปแล้วประมาณ 60% ส่วนที่ยังขายได้ก็ถูกกดราคาเพราะพ่อค้าคนกลางอ้างว่าไม่มีที่ขาย
ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ โดยเสนอให้ได้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า หรือสหกรณ์กลางกุ้ง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าเกษตรจากผู้ผลิตได้โดยตรง และเพื่อควบคุมราคาซื้อ-ขาย ของพ่อค้าคนกลางได้
ที่มา one31
No comments:
Post a Comment