จากกรณีแรงงานชาวเมียนมา ถูกรางวัลที่ 1 เลข 835538 กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ต้องได้เงิน 6 ล้านบาท แต่แรงงานเมียนมาผู้โชคดีคนดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊ก Hla Khaing ร้องเรียนเล่าเหตุการณ์เป็นภาษาพม่าว่า ได้ฝากเจ้านายคนไทยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ แต่เจ้านายกลับเอาไปขึ้นเงินเอง
ทั้งนี้ต่อมา เมื่อแรงงานเมียนมา ไปร้องเรียนที่โรงพัก เจ้าหน้าตำรวจได้ช่วยไกล่เกลี่ย ได้ข้อสรุปว่า เจ้านายคนไทย ขอส่วนแบ่งเป็น จำนวน 2.5 ล้านบาท ขณะที่แรงงานเมียนมาได้เงินคืนมา 3.5 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ควรจะได้เงิน 6 ล้านบาท เพราะลูกจ้างฝากเงินเจ้านาย 300 บาท เพื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 3 ใบ
ต่อมานายจ้าง ได้ถ่ายรูปส่งมาให้ลูกจ้างดู ก่อนสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศผล ว่าซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แล้วตามที่ส่งรูปมาให้ แต่เมื่อพบว่าถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 6 ล้านบาท เจ้านายกลับอ้างว่าไม่ได้โอนเงิน แล้วแอบไปขึ้นรางวัลเอง จนเป็นที่มาในการโพสต์ร้องเรียนของเเรงงานชาวเมียนมา
ล่าสุดฝ่ายของนายจ้าง ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้พูดคุยกับนายอาทิตย์ ว่องวสุสมวงศ์ ทนายความของนายจ้าง เปิดเผยว่า เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นตามที่โลกโซเชียลฯ แชร์ต่อ ๆ กันแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.พ.64
โดยลูกจ้างสาวชาวเมียนมา อยากซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่แผงอยู่ที่อ.สามพราน ซึ่งเป็นญาติของนายจ้าง จึงติดต่อไปยังน้องสาวของนายจ้าง และให้วิดีโอคอลดูรูปหวยในแผง ซึ่งทางลูกจ้างคนดังกล่าวสนใจ 3 ใบ แบ่งเป็นเลขท้ายสองตัว 2 ใบ คือ 83 และ 38 และเลขท้ายสามตัว 1 ใบ คือ 803 แต่ยังไม่ตกลงซื้อขาย โดยคนขายบอกว่าหากจะซื้อก็ให้โอนเงินมายังเลขบัญชีของคนขาย แต่ยังไม่มีการโอนเงิน
ต่อมาวันที่ 28 ก.พ.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ลูกจ้างได้นำเงิน จำนวน 300 บาท มาให้น้องสาวของนายจ้าง แต่น้องสาวนายจ้าง ยังไม่ได้โอนไปให้คนขาย ทำให้ยังไม่ยืนยันว่าจะซื้อหวยจริงหรือไม่ และน้องสาวของนายจ้างก็ทำงานจนลืมเรื่องหวยไป
กระทั่งเวลาผ่านมาถึงวันที่ 4 มี.ค.64 ลูกจ้างคนดังกล่าวติดต่อมา และบอกว่าถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 แต่เมื่อสอบถามไปยังคนขาย คนขายแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงิน จึงเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะคิดว่านายจ้างกับเจ้าของแผง ร่วมกัน โกง จึงมีเจรจาเรื่องราวทั้งหมด เจ้าของแผงบอกว่าเป็นลอตเตอรี่เป็นของตัวเองจึงไปขึ้นเงิน ส่วนลูกจ้างพม่าก็ไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.กำแพงแสน อ้างว่ามีสิทธิ์ในลอตเตอรี่ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และเป็นการฝากซื้อครั้งแรกของลูกจ้างชาวเมียนมาด้วย
โดยสุดท้ายวันที่ 4 มี.ค.64 จึงมีการเจรจาไกล่เกลี่ย และตกลงแบ่งเงินกัน ที่สภ.เมืองนครปฐม โดยสรุปว่าเงินจำนวน 6 ล้านบาท แบ่งเป็นของลูกจ้าง จำนวนเงิน 3.5 ล้านบาท และเจ้าของแผง 2.5 ล้านบาท และยืนยันว่าทางด้านนายจ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้ นายจ้างก็ไม่ใช่คนที่ไปขึ้นเงินด้วย ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด และได้ร่วมกันไกล่เกลี่ยเรื่องราวทั้งหมด จบลงไปตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.64
สำหรับสาเหตุของเหตุการณ์นี้ คือ เกิดจากน้องสาวนายจ้างไม่โอนเงินให้คนขาย โดยน้องสาวนายจ้างก็ยอมรับว่าผิดจริง จึงไปขอร้องคนขาย ให้แบ่งเงินให้ลูกจ้างพม่า เนื่องจากว่าช่วงแรกลูกจ้างจะขอเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท แต่คนขาย ไม่ยินยอม ก่อนตกลงกันที่ลูกจ้างขอ 3.5 ล้านบาท และคนขาย ขอ 2.5 ล้านบาท และอยากฝากถึงคนซื้อ ว่าควรซื้อตัวต่อตัว หรือที่แผงโดยตรงจะดีที่สุด
นายหนุ่ม อายุ 45 ปี นายจ้าง เปิดเผยว่า จิตใจ น้องสาวตอนนี้ค่อนข้าง ย่ำแย่มาก และมีความเครียด กินข้าวไม่ลง เพราะไม่เคยเจอเรื่องแยบนี้มาก่อน หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาและโซเชียลฯ กล่าวหาอย่างหนัก แต่อยากฝากก่อนกล่าวหา ให้ดูเรื่องราวให้จบเสียก่อน ตนดีใจที่ทนายความออกมาชี้แจงความจริงให้ทุกคนได้ทราบ
โดยเงินที่มีการแบ่งจำนวน 2.5 ล้าน อยู่กับคนขายลอตเตอรี่ทั้งหมด ไม่ได้อยู่กับน้องสาว น้องสาวไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ตนก็ไม่ได้จับลอตเตอรี่ พอเมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 ลูกจ้างก็เก็บข้าวของหนีไปทันที โดยไม่ได้พูดจาใด ๆ ส่วนนิสัยของลูกจ้างก็เป็นคนดี เพราะที่นี่ทำงานเป็นครอบครัว มีอะไรแบ่งกินกัน ทำกับข้าวก็แบ่งกัน ซื้อไข่ ซื้อปลาให้ตลอด และเลี้ยงดูอย่างดี รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ด้วย ได้ค่าแรงวันละประมาณ 500-700 บาท ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่เคยโกงเงินลูกจ้างแม้แต่บาทเดียว ส่วนค่าจ้างที่เหลือถ้ากลับมาขอก็ให้แน่นอน พร้อมอยากบอกลูกจ้างว่า ขอบคุณที่ทำงานร่วมกันมา และรักเหมือนเดิม แต่พอถูกรางวัลและทิ้งไปเลยก็ให้นึกถึงตอนที่มาหางานบ้าง
ที่มา amarintv
No comments:
Post a Comment