​กลุ่มพิเ​ศ ​ษ เริ่มใช้จ่ ายไ​ด้​วันไห​น - Yakdung Khaw

สดๆร้อนๆ

Saturday, April 10, 2021

​กลุ่มพิเ​ศ ​ษ เริ่มใช้จ่ ายไ​ด้​วันไห​น


โฆษกกระทรวงการคลัง” เผยกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศ ษ “ไม่มีสมาร์ทโฟน”
ที่ผ่านเกณฑ์คัดกรองโครงการเร าช นะ เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 22 เมษายน 2564
นางส าวกุลย า ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศ รษฐกิจการคลัง

ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิ ดเผยว่า สำหรับประชาช นกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
(กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ที่ลงทะเบี ยนเข้าร่วมโครงการเร าช นะ ระหว่างวันที่ 8 – 26 มีนาคม 2564
และตรวจสอบสถานะแล้ว พบว่า ผ่านเกณฑ์การคัดกรองคุณสมบัติ
จะสามารถใช้จ่ายวงเงิ นสิทธิ์ผ่านบัตรประจำตัวประชาช น
โดยยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Facial Recognition) ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประชาช นกลุ่มดังกล่าวจะได้รับวงเงิ นสิทธิ์จำนวน 7,000 บ าท
และสามารถใช้จ่ายวงเงิ นสิทธิ์ผ่านผู้ประกอบการร้ านค้ าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ ได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการ ณ วันที่ 9 เมษายน 2564 ดังนี้

1. ประชาช นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรั ฐ จำนวน 13.7 ล้านคน
ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 72,289 ล้านบ าท
2. ประชาช นกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
ในโครงการเร าเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาช นทั่วไปที่ลงทะเบี ยนทางเว็บไซต์ www.เร าช นะ .com
ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว
จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงิ นสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา
จำนวน 109,289 ล้านบ าท

3. ประชาช นกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน
มียอดใช้จ่ายวงเงิ นสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 12,036 ล้านบ าท
ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน
คิดเป็นมูลค่ าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 193,614 ล้านบ าท
ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้ านธงฟ้าร าค าประหยัดพัฒนาเศ รษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน
“ถุงเงิ น” ร้ านค้ าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ
รวมถึงผู้ประกอบการร้ านค้ าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบี ยนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

No comments:

Post a Comment