เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 มีรายงานว่า นางสาวออยรี่ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี นำหลักฐานเป็นบันทึกโปรแกรมสนทนาและคลิปเสียง เข้าร้องเรียนกับนายทอง พันทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ตรวจสอบความผิดทางวินัยกับพยาบาลวิชาชีพ อายุ 41 ปี ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แอบไปจดทะเบียนสมรสกับสามีซึ่งตำรวจหนุ่ม อายุ 29 ปี ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามีลูกมีเมียแล้ว
นางสาวออยรี่ เล่าว่า ตนคบหากับสามีอย่างเปิดเผยมานานเกือบหกปี ตั้งแต่ก่อนสอบติดนักเรียนนายสิบ ต่อมาหลังเรียนจบ และสามีได้รับการบรรจุรับราชการที่โรงพักใน อ.พร้าว จึงได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผยมาโดยตลอด จนมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จากนั้นเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็นว่าสามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลายอย่าง เขาไม่ค่อยกลับบ้าน แอบโทรศัพท์คนเดียว จึงจับตาสังเกตพฤติกรรม และพยายามถามความจริงแต่สามีก็ปฏิเสธมาตลอด
จากนั้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับแม่สามี ซึ่งแม่สามีเองก็คิดว่าลูกชายน่าจะมีหญิงสาวมาติดพัน และแนะนำให้ไปดูด้วยตัวเอง ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ อ.พร้าว จนทราบความจริงจากชาวบ้านว่า สามีคบหากับพยาบาลหญิงคนดังกล่าวมานานแล้ว นอกจากนี้ยังทราบว่าพยาบาลคนนี้ก็มีแฟนอยู่แล้วเป็นแพทย์หญิง (สาวทอม) คนหนึ่งใน อ.พร้าว อยู่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นจึงไปคุยกับสามีจนยอมรับความจริง จึงขอเลิกกับสามีและให้สามีออกจากบ้านไปในวันที่ 26 พฤษภาคม
ต่อมาในวันที่ 30 มิถุนายน ตนได้เข้าร้องเรียนกับนิติกรของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แต่กลับต้องตกใจ เพราะทราบจากนิติกรว่า พยาบาลคนนี้ได้ไปจดทะเบียนสมรสกับสามีตนเองแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงไม่สามารถเอาเรื่องได้เพราะเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย โดยพยาบาลคนดังกล่าว ได้พูดกับตนทางโทรศัพท์ว่า รู้อยู่แล้วว่าสามีมีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร พร้อมกับบอกว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นางสาวออยรี่ ระบุอีกว่า สาเหตุที่ต้องมาร้องเรียนในครั้งนี้ เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของพยาบาลคนนี้ที่แอบคบกับสามีคนอื่น ถึงขั้นไปจดทะเบียนสมรส ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีครอบครัวแล้ว จึงต้องการให้หน่วยงานต้นสังกัดเข้าตรวจสอบความผิดทางวินัย ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้หากผู้หญิงไม่เล่นด้วยปัญหาก็คงจะไม่เกิด ส่วนสามีนั้นยอมเซ็นชื่อรับรองบุตร ตนจึงไม่ร้องเรียนทางวินัย
ต่อมาทางด้านสำนักข่าวดังอย่าง ข่าวช่องวัน ได้เผยส่วนหนึ่งขอบทสนทนาระหว่าง ออยรี่ และพยาบาลสาวคนดังกล่าว โดยที่ในสาย ออยรี่ถามว่า พี่มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ แต่พยาบาลคนนี้กลับพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่กลับถามคืนว่า ถ้าน้องรู้ว่าเขา (ผู้ชาย) ผ่านอะไรมามากมายขนาดนี้แล้ว น้องยังอยากได้เขาอีกแล้วใช่ไหม พี่ก็ไม่ได้อยากทะเลาะเพื่อที่จะแย่งอะไรกัน
นอกจากนี้ ออยรี่ก็บอกว่า ตนกับสามีก็อยู่กินมา 5-6 ปี และทางบ้านก็รับรู้ ตนก็ทุกข์ใจกับการกระทำของทั้ง 2 คน ส่วนกับสามีตกลงกันแล้วว่าจะรับรองบุตร แต่ทางฝ่ายผู้หญิงกลับเงียบ คำขอโทษสักคำก็ไม่มี
ขณะที่ นายทอง พันทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยหลังรับทราบข้อมูลเรื่องนี้ว่า ได้ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้กลุ่มงานนิติกรดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากเข้าข่ายความผิดทางวินัยก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ส่วนจะมีความผิดหรือบทลงโทษอย่างไรหรือไม่ ต้องดูว่าความผิดถึงขั้นไหน หากร้ายแรงก็จะมีลำดับขั้นโทษของทางราชการอยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ข่าวช่องวัน
No comments:
Post a Comment