หนุ่มใหญ่หว่านแหหาปลา แต่ดันได้รถทั้งคัน บอกเพื่อนไม่เชื่อ โร่แจ้งตำรวจ - Yakdung Khaw

สดๆร้อนๆ

Monday, July 22, 2019

หนุ่มใหญ่หว่านแหหาปลา แต่ดันได้รถทั้งคัน บอกเพื่อนไม่เชื่อ โร่แจ้งตำรวจ



เมื่อเวลา 13.30 น วันที่ 21 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์รายงานว่า ร.ต.อ.สมโชค รัตนอำภา รองสว. สอบสวน สภ.มารวิชัย อสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่หาปลาว่าพบรถยนต์จมอยู่ในบ่อน้ำขนาดใหญ่กลางทุ่งนาหมู่ที่ 6 ต.บ้านหลวง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงพร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.มารวิชัย และชุดสืบสวน สภ.เสนา ลงพื้นที่ตรวจสอบ และประสานรถยก เพื่อดึงรถขึ้นจากบ่อน้ำต้องทำการดำน้ำลงไปเพื่อนำสลิงของรถยกไปผูกกับรถยนต์ จากนั้นได้ดึงรถยนต์ขึ้นมาจากบ่อน้ำพบว่า เป็นรถยนต์ กระบะอีซูซุ สีบอร์นเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพจมน้ำมาแล้วหลายวัน จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าว มีการแจ้งความหายเอาไว้กับ พนักงานสอบสวน สภ.เสนา ซึ่งเป็นรถของของนางสมจินตนา ทรงรูป ที่จอดเอาไว้ หน้าบ้านเลขที่ 99/10 หมู่ที่ 2 ต.สามก่อ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 3 ก.ค.



นายสุรศักดิ์ มีสุข อายุ 34 ปี ชาวบ้านที่พบรถยนต์กระบะจมอยู่กลางบ่อน้ำคนแรก เล่าให้ฟังว่าตนเองกลับเพื่อนมาหาปลาในบ่อน้ำ ได้ทอดแหเพื่อหาปลา พอหว่านแหไปครั้งแรก ปรากฏว่าแหติดดึงขึ้นไม่ได้จึงต้องลงไปงมแห พอดำน้ำลงไปตกใจมากเพราะแห่ไปคลุม รถยนต์เอาไว้ จึงรีบขึ้นมาบอกเพื่อนแต่เพื่อนไม่เชื่อ จึงดำน้ำลงไปอีกรอบ ดึงเอากระจกมองหลังขึ้นมาเพื่อนจึงเชื่อ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ต่อมานายเอกพร ช่วงชู อายุ 43 ปี เดินทางมาที่เกิดเหตุและยืน รถยนต์คันดังกล่าว เป็นของอาของตนเองที่ถูกคนร้ายขโมยเอา กล่าวว่า บ้านของตนกับอาอยู่ติดกัน บ้านก็ไมได้ปิดล็อคอะไร เพราะกำลังมีการซ่อมแซมบ้านอยู่ จึงไม่รู้ที่บ้านอามีคนอยู่หรือไม่มีจนช่วงประมาณเที่ยง มีชายใส่เสื้อยืดสีดำเดินเข้ามาในบริเวณบ้านสุนัขในบ้านเห่าเสียงดังตนเองเดินไปไล่สุนัขไม่ให้เห่า เพราะคิดว่าเป็นคนงานมาซ่อมบ้าน



หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที รถยนต์ของอาถอยหลังออกจากบ้านและมากลับรถหน้าบ้านตนเอง คิดว่าอาคงจะไปซื้อของจึงไม่ได้เอะใจ จนอากลับมาบ้านถามหาว่าใครเอารถยนต์กระบะไป จึงทราบว่าคนร้ายได้มาขโมยเอารถยนต์กระบะไป โดยคนร้ายเดินเข้าไปในบ้านอาหยิบเอากุญแจรถมาขับออกไป ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้

ภาพที่เกิดเหตุ



ภาพที่เกิดเหตุ



ภาพที่เกิดเหตุ


No comments:

Post a Comment